10 ตู้เย็น 2 ประตู ยี่ห้อไหนดี ประหยัดไฟ

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักตู้เย็น 2 ประตูและการเลือกซื้อตู้เย็น 2 ประตูว่าแต่ละรุ่นมีข้อดีข้อเสียอย่างไร เพราะปัจจุบันแต่ละรุ่นมีฟังก์ชันและราคาที่ต่างกันมากมาย จึงเลือกยากมากสำหรับคนที่ไม่เข้าใจการทำงาน และสุดท้ายเราจะสรุป 10 อันดับยอดนิยมของตู้เย็น 2 ประตูมาให้เพื่อเป็นตัวช่วยให้กับคนที่กำลังสนใจ

มาเริ่มกันที่คุณสมบัติพื้นฐานและการเลือกซื้อกันก่อน เพื่อที่ผู้ใช้บางท่านจะได้เข้าใจคุณสมบัติต่าง ๆ ของตู้เย็น 2 ประตู ได้ดีเพื่อเป็นประโยชน์ในการเลือกซื้อได้ ตู้เย็น 2 ประตู ตู้เย็นประเภทนี้ถือว่ามีขนาดที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป มีขนาดที่พอเหมาะกับครอบครัวทั่ว ๆ ไป เป็นอุปกรณ์ที่มีอยู่แทบจะทุก ๆ บ้าน รวมทั้งในสำนักงานและร้านอาหาร และในปัจจุบันเทคโนโลยีได้ก้าวหน้าไปมาก แต่ละรุ่นจึงมีฟังก์ชันในการใช้งานที่ทันสมัยขึ้นสะดวกสบายต่อการใช้ บางรุ่นสามารถทำงานร่วมกับสมาร์ตโฟนทำให้สะดวกต่อการใช้งานขึ้นไปอีก 

ตู้เย็น 2 ประตู เป็นตู้เย็นที่ได้รับความนิยมมากเนื่องจากมีการแบ่งช่องแช่เย็นและแช่แข็งอย่างชัดเจน ทำให้เวลาเปิดหรือใช้งานมั่นใจได้ว่าความเย็นจากช่องแช่แข็งจะไม่เล็ดลอดออกมาได้ ไม่สูญเสียความเย็นจากการเปิดปิดตู้ช่วยประหยัดพลังงานได้ดี และช่วยถนอมอาหารที่อยู่ในช่องแช่แข็งให้อยู่ได้นานขึ้น เช่น ไอศกรีมหรือน้ำแข็งก้อน และไม่ต้องกังวลถึงเรื่องอาหารติดช่องแช่แข็งและมีน้ำแข็งเกาะ

หัวข้อสำคัญในการเลือกซื้อ

เนื่องจากปัจจุบันตู้เย็น 2 ประตูมีฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย หลายคนอาจจะเลือกไม่เป็นหรือตัดสินใจยาก เราจึงจะแนะนำพื้นฐานในการเลือกตู้เย็นว่าจะต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง

1. ราคา ลำดับแรกหลาย ๆ คนอาจจะดูที่รูปลักษณ์ภายนอก แต่เราจะแนะนำให้คุณตัดสินใจโดยการดูจากราคาเป็นสำคัญเพราะถ้าเรากำหนดวงเงินที่แน่นอนจะทำให้เราสามารถจำกัดวงในการเลือกซื้อได้ดีขึ้น เช่น หากมีงบที่จำกัดก็จะมีตัวเลือกรุ่นไม่มากนัก แต่ถ้าไม่จำกัดงบก็สามารถที่จะเลือกซื้อรุ่นที่รูปลักษณ์หรือฟังก์ชันได้ตามต้องการ

2. ดีไซน์และรูปลักษณ์ภายนอก หัวข้อรองลงมาจากราคาก็คือรูปลักษณ์ภายนอก การออกแบบภายในว่ามีชั้นวางของมากแค่ไหน มีการแบ่งส่วนอย่างชัดเจนหรือไม่ และรวมถึงเรื่องของขนาดของตู้เย็นด้วย เพราะบางบ้านอาจจะไม่มีพื้นที่มากนักในการวางตู้เย็น ส่วนดีไซน์และรูปลักษณ์ภายนอกก็ตรงนี้อาจจะขึ้นอยู่กับว่าใครชอบแบบไหน

3. การประหยัดไฟ  ต่อมาก็ในเรื่องของการประหยัดไฟ เนื่องด้วยตู้เย็นเป็นอุปกรณ์ที่ต้องทำงานอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เรื่องการประหยัดพลังงานจึงเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นลำดับต้น ๆ ปัจจุบันการเลือกตู้เย็นประหยัดไฟทำได้ไม่ยากเพราะมีตัวช่วยคือฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่จะติดไว้กับตู้เย็นที่รับรองได้ว่าประหยัดไฟจริง ๆ 

4. การรับประกันสินค้า  สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการรับประกันสินค้า เพราะแต่ละแบรนด์ก็มีการรับประกันที่แตกต่างกันไป มีการรับประกันในเรื่องอะไรบ้าง เพราะตู้เย็นเป็นอุปกรณ์ที่ถ้าหากชำรุดก็ไม่สามารถที่จะซ่อมได้ง่าย การรับประกันต่าง ๆ หรือการส่งช่างซ่อมมาช่วยก็เป็นเรื่องที่สำคัญ

5. ฟังก์ชันการใช้งาน – ที่เป็นเรื่องรองเพราะฟังก์ชันการใช้งานตู้เย็นแต่ละแบรนด์มีระบบที่ไม่ต่างกันมาก เช่น ระบบทำความเย็น ระบบกำจัดกลิ่น ความสามารถในการละลายน้ำแข็ง หรือการออกแบบระบบลดเสียงของมอเตอร์ที่สามารถลดเสียงในการทำงาน

เมื่อทำความรู้จักกันตู้เย็น 2 ประตู และหัวข้อสำคัญในการเลือกซื้อ คราวนี้เราก็มาดูกันว่าแต่ละแบรนด์และแต่ละรุ่นมีฟังก์ชันการใช้งานหรือรูปลักษณ์ภายนอกแบรนด์ไหนที่น่าสนใจบ้าง

รายการ 10 ตู้เย็น 2 ประตู

1. MITSUBISHI ELECTRIC รุ่น MR-FV22P

2. SAMSUNG รุ่น RT22FGRADSA

3. LG รุ่น GN-B422SQCL

4. TOSHIBA รุ่น GRB22KP

5. HITACHI รุ่น R-H200PD

6. HISENSE รุ่น RT488NAF1

7. HISENSE รุ่น RB546N4AF1

8. HISENSE รุ่น RS670N4AF1

9. SHARP รุ่น SJ-C19E

10. HAIER รุ่น HRF-190MNI

1. MITSUBISHI ELECTRIC รุ่น MR-FV22P

MITSUBISHI ELECTRIC รุ่น MR-FV22P

น้ำหนักรวม 42 กิโลกรัม

ช่องแช่แข็ง 56 ลิตร

ช่องแช่เย็น 145 ลิตร

ขนาด 50.5 x 137.8 x 64.5 เซนติเมตร

ราคา 6,690 บาท

เริ่มต้นกันที่แบรนด์ดังอย่าง MITSUBISHI ELECTIRC ที่ผลิตสินค้าชั้นนำและพัฒนาเทคโนโลยี ๆ มาสม่ำเสมอ รุ่น MR-FV22P มาพร้อมกับแบบ 2 ประตู ดีไซน์ภายนอกสวยงามดูหรูหรา ตัวตู้ผลิตจากวัสดุที่ไม่ลุกลามไฟมีความปลอดภัย ตัวสินค้ามี 4 สีให้เลือก (สีเรดไดมอนด์ สีชมพูทอง สีซิลเวอร์ และ สีน้ำตาลคอปเปอร์) มาพร้อมกับระบบ Neuro Fuzzy System ที่ช่วยทำงานความเย็นภายในตู้ด้วยไมโครชิพอัจฉริยะ ภายในมีขนาดใหญ่ดูน่าใช้งาน มีไฟ LED ที่ช่วยในการมองตอนกลางคืน ชั้นวางที่มาจากกระจกนิรภัยรับน้ำหนักได้มากถึง 100 กิโลกรัม และขอบยางประตูผลิตด้วยระบบ Anti-Bacteria Door Gasket ที่ช่วยยับยั้งเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีแผ่นแร่ Minus-ION ที่เป็นแร่ธรรมชาติจะปล่อยประจุลบเพื่ออากาศภายในที่สดชื่น มีระบบพัดลมทำความเย็นที่มีระบบกระจายความเย็นพิเศษ แถมแผนกรองกำจัดกลิ่น มอเตอร์ทำงานเงียบไร้เสียงรบกวน มีรับประกันอะไหล่ด้านใน กรณีที่เกิดการชำรุด 2 ปี และรับประกันคอมเพรสเซอร์ 10 ปี

ข้อดี

– ผลิตจากวัสดุไม่ลุกลามไฟ

– ผนังภายในเคลือบสาร Anti-Bacteria Food Liner ป้องกันแบคทีเรีย

– มอเตอร์ทำงานไร้เสียงรบกวน

ข้อเสีย

2. SAMSUNG รุ่น RT22FGRADSA

SAMSUNG รุ่น RT22FGRADSA

น้ำหนักรวม 48.3 กิโลกรัม

ช่องแช่แข็ง 53 ลิตร

ช่องแช่เย็น 181 ลิตร

ขนาด 55.5 x 159.9 x 63.7 เซนติเมตร

ราคา 7,490 บาท

ต่อไปกับแบรนด์ยอดนิยมอย่าง SAMSUNG ที่มีชื่อกับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดมากมาย รุ่น RT22FGRADSA มาพร้อมกับดีไซน์ที่โดดเด่น สีเงินเข้มหรูหราดูมีความทันสมัย มาพร้อมกับขนาดที่กำลังพอดี ผลิตจากวัสดุแข็งแรงทนทาน มีระบบทำความเย็นแบบ Inverter Compressor แบบดิจิตอล มีการทำงานที่อัจฉริยะทำงานได้ราบรื่นไร้เสียงรบกวน ซึ่งต่างจากคอมเพรสเซอร์แบบเดิมที่ทำงานแบบสลับเวลา 

อ่านบทความเกี่ยวข้อง  10 เครื่องดูดไรฝุ่น ใช้งานง่าย ลดภูมิแพ้

มีระบบกระจายความเย็นแบบ Multiflow ช่วยกระจายความเย็นได้ทั่วถึง ภายในขนาดใหญ่มีความจุที่กว้างขวางสามารถใส่อาหารได้อย่างจุใจ พร้อมชั้นวางของแบบ Easy Slide ที่สามารถดึงออกมาเวลาใช้งาน ชั้นวางด้านข้างแบบ Big Guard มีขนาดลึกกว่าชั้นวางของตู้เย็นทั่วไป สามารถใส่ขวดน้ำหรือขวดนมทรงสูงขนาดใหญ่ได้สบาย ช่องแช่ผักด้านล่างเป็นระบบ Moist Fresh Zone ที่สามารถช่วยรักษาความสดใหม่ได้ยาวนานขึ้น ป้องกันอาหารที่เน่าเสียง่าย ช่องปิดที่หนาแน่นป้องกันความชื้นเล็ดลอดออก ช่องแช่แข็งมีระบบคงความเย็น Cool Pack ที่ถ้าเกิดกรณีไฟฟ้าดับหรือมีการดึงปลั๊กไฟ ช่องแช่แข็งจะยังสามารถทำงานต่อได้หลายชั่วโมง และเก็บความเย็นได้นานถึง 8 ชั่วโมง เรียกได้ว่าฟังก์ชันเยอะสุด ๆ ไปเลย พร้อมกับประกันคอมเพรสเซอร์นานถึง 10 ปี และฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 

ข้อดี

– ระบบทำความเย็นแบบดิจิตอล

– ชั้นวางด้านข้างมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นอื่น ๆ 

– สามารถเก็บความเย็นได้นาน 8 ชั่วโมง แม้ไม่มีไฟเลี้ยง

ข้อเสีย

3. LG รุ่น GN-B422SQCL

LG รุ่น GN-B422SQCL

น้ำหนักรวม 70 กิโลกรัม

ช่องแช่แข็ง 117.2 ลิตร

ช่องแช่เย็น 181 ลิตร

ขนาด 55.5 x 159.9 x 63.7 เซนติเมตร

ราคา 11,990 บาท

มากับอีกหนึ่งแบรนด์ที่นิยมมากในบ้านเราอย่าง LG รุ่น GN-B422SQCL มีดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอกดูหรูหราและทันสมัย มาพร้อมกับสีเทาเข้มดูดุดัน มีระบบอินเวอร์เตอร์ทำงานแบบไร้เสียงรบกวน แถมประหยัดพลังงานด้วยระบบ Smart Inverter Compressor มีการปรับเปลี่ยนความเย็นแบบอัจฉริยะ ที่จะเปลี่ยนไปตามจำนวนของอาหารที่แช่ภายในและอุณหภูมิภายนอกตู้เย็น การออกแบบภายในที่กว้างขวาง ชั้นวางภายในสามารถดึงออกมากใช้งานได้ เพิ่มความสะดวกสบายในการหยิบจับอาหารด้านใน มีไฟ LED ประหยัดพลังงานและสว่างมากกว่าไฟปกติถึง 2.5 เท่า ช่วยในการมองเห็นเวลาหยิบอาหารตอนกลางคืน และมีจุดเด่นคือระบบ Smart Diagnosis ที่ตรวจสอบการทำของงานของตู้เย็นผ่านสมาร์ตโฟน ช่วยในการแก้ไขปัญหาของตู้เย็นได้อย่างรวดเร็ว ที่มีการใช้งานง่าย ๆ คือ เพียงแค่โทรออกไปที่ศูนย์บริการของ LG และวางโทรศัพท์ไว้ใกล้ ๆ จุด Smart Diagnosis ซึ่งจะมีการส่งเสียงเฉพาะที่ทำให้ปลายสายทราบถึงปัญหาของตู้เย็นในขณะนั้นได้และสามารถแก้ปัญหาได้ทันที ประหยัดไฟเบอร์ 5 และประกันคอมเพรสเซอร์นาน 10 ปี

ข้อดี

– ประหยัดพลังงาน 

– มีระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน

– มีช่องแช่แข็งขนาดใหญ่

ข้อเสีย

– ระบบทุกอย่างเป็นแบบดิจิตอล เวลาเครื่องเสียทำให้ต้องใช้เวลาซ่อมนาน

4. TOSHIBA รุ่น GRB22KP

TOSHIBA รุ่น GRB22KP

น้ำหนักรวม 37 กิโลกรัม

ช่องแช่แข็ง 60 ลิตร

ช่องแช่เย็น 134 ลิตร

ขนาด 128.5 x 62.3 x 54.5 เซนติเมตร

ราคา 6,490 บาท

ต่อกับอีกรุ่นยอดนิยมจากแบรนด์ TOSHIBA รุ่น GRB22KP มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกดูเรียบง่ายหรูหรา วัสดุมีคุณภาพมีความทนทาน ขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่พอดีต่อการใช้งาน น้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายสะดวก ระบบทำความเย็นที่มีประสิทธิภาพมีพัดลมช่วยในการกระจายความเย็น ระบบกำจัดกลิ่นแบบ Ag Bio System ที่มีจุดเด่นคือตัวช่วยเร่งปฏิกิริยาทางชีวภาพ ช่วยกำจัดกลิ่นอาหารประเภทที่มีกลิ่นแรงได้อย่างดี และตัวช่วยกรองอากาศแบบ Ag Bio Deodorizer ช่วยกรองและสลายกลิ่นอาหารลดแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในตู้ ช่องแช่แข็งมีขนาดใหญ่ถึง 60 ลิตร พร้อมชั้นวางปรับระดับได้ ชั้นวางทำจากกระจกนิรภัยแข็งแรงทนทานรับน้ำหนักได้ถึง 100 กิโลกรัม รับประกันตัวเครื่อง 1 ปี และประกันคอมเพรสเซอร์ 10 ปี มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5

ข้อดี

– น้ำหนักเบาเพิ่มความสะดวกในการเคลื่อนย้าย 

– ระบบกำจัดกลิ่นแบบ Ag Bio System

– มีช่องใส่ผักขนาดใหญ่ถึง 13 ลิตร

ข้อเสีย

5. HITACHI รุ่น R-H200PD

HITACHI รุ่น R-H200PD

น้ำหนักรวม 49 กิโลกรัม

ช่องแช่แข็ง 53.7 ลิตร

ช่องแช่เย็น 163.5 ลิตร

ขนาด 146 x 54 x 65 เซนติเมตร

ราคา 8,490 บาท

ต่อไปกับตู้เย็น 2 ประตู HITASHI รุ่น R-H200PD ที่รูปลักษณ์ภายนอกดูหรูหราไม่แพ้แบรนด์อื่น ๆ เลย มาพร้อมกับฟังก์ชันที่หลากหลายเพื่อตอบสนองต่อผู้ใช้งาน ระบบทำความเย็นแบบ Minus Zero Cooling Invertor ที่เป็นแบบพัดลมคู่ให้ความเย็นแบบสุด ๆ ทำให้อาหารของคุณสดใหม่อยู่เสมอ กระจายความเย็นให้ทั่วถึงด้วยระบบ Eco Thermo-sensor ที่เป็นการแยกทำงานระหว่างช่องแช่แข็งและช่องแช่เย็นเพื่อควบคุมความเย็นให้เหมาะสมกับอาหาร ช่วยรักษาระดับอุณหภูมิได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยลดการใช้พลังงาน เก็บความเย็นได้ถึง 12 ชั่วโมงแม้ไม่มีไฟเลี้ยง ถาดทำน้ำแข็งเป็นแบบแยกออกจากช่องอย่างอิสระสามารถที่จะวางไว้ได้ตามความต้องการของผู้ใช้ ชั้นวางภายในทำจากกระจกนิรภัยรับน้ำหนักได้ถึง 100 กิโลกรัม มีระบบกำจัดกลิ่นและแบคทีเรียด้วยนาโนไทเทเนียม ประกันตัวสินค้า 1 ปี ประกันคอมเพรสเซอร์ 10 ปี และมีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5

อ่านบทความเกี่ยวข้อง  10 ตู้เย็น ยี่ห้อไหนดี ในปี

ข้อดี

– ระบบทำความเย็นแบบพัดลมคู่เย็นเร็วทันใจ

– ขอบยางตู้ผลิตจากวัสดุป้องกันเชื้อรา

ข้อเสีย

6. HISENSE รุ่น RT488NAF1

HISENSE รุ่น RT488NAF1

น้ำหนักรวม 70 กิโลกรัม

ช่องแช่แข็ง 89 ลิตร

ช่องแช่เย็น 246 ลิตร

ขนาด 172 x 70 x 63.5 เซนติเมตร

ราคา 12,990 บาท

มากับแบรนด์ที่น่าสนใจมากในช่วงนี้อย่าง HISENSE ที่เป็นแบรนด์ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ชื่อดังจากประเทศจีน ที่มาตีตลาดบ้านเราได้สักพักแล้ว กับรุ่น RT488NAF1 มาพร้อมกับรูปลักษณ์ดุดันหรูหรากับสีดำ ขนาดที่ใหญ่พอเหมาะกับ 13.8 คิว บานประตูออกแบบเรียบง่ายสวยงามเปิดปิดได้สะดวก ระบบทำความเย็นที่ควบคุมการงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ มีระบบทำความเย็นที่ไม่มีน้ำแข็งเกาะหมดห่วงเรื่องมีน้ำแข็งเกาะภายในตู้ทำให้ประสิทธิภาพความเย็นลดลง ภายในมีขนาดใหญ่จุใจสามารถหยิบอาหารได้อย่างสะดวกสบาย เสริมด้วยระบบ Moist Fresh Zone ที่จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้กับอาหารภายในตู้ ที่สามารถปรับได้ตามความเหมาะสมของอาหาร มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และประกันคอมเพรสเซอร์นานถึง 12 ปี

ข้อดี

– มีช่องแช่เย็นขนาดใหญ่จุใจ

– ระบบทำความเย็นแบบ Surround System เย็นเร็วและเย็นทั่วถึง

– แผ่นกรองกับกลิ่นด้วย Deodorizing Fillter ที่ผลิตจากถ่านกัมมันต์ ที่ช่วยกำจัดกลิ่นได้อย่างหมดจด

ข้อเสีย

7. HISENSE รุ่น RB546N4AF1

HISENSE รุ่น RB546N4AF1

น้ำหนักรวม 92.5 กิโลกรัม

ช่องแช่แข็ง 99 ลิตร

ช่องแช่เย็น 120 ลิตร

ขนาด 172.3 x 70.4 x 68.7 เซนติเมตร

ราคา 12,990 บาท

ต่อเนื่องกับแบรนด์ HISENSE กับรุ่น RB546N4AF1 กับรูปลักษณ์สีดำดูหรูหราสวยงาม มีช่องแช่แข็งที่อยู่ด้านล่าง เหมาะสำหรับคนที่ใช้งานตู้แช่แข็งน้อยและใช้งานตู้แช่เย็นบ่อยทำให้ไม่ต้องก้ม ๆ เงย ๆ เวลาใช้งานดูแช่เย็น ระบบทำความเย็นควบคุมโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วยไมโครคอมพิวเตอร์ ที่แยกการทำงานระหว่างช่องแช่เย็นและช่องแช่แข็งได้อย่างอิสระทำให้ประหยัดพลังงาน และมีระบบ Super Cool ช่วยให้อาหารเย็นได้อย่างรวดเร็วถนอมอาหารให้สดใหม่อยู่เสมอ และกระจายความเย็นทั่วตู้แบบ Surround System สม่ำเสมอและรอบทิศทาง มีจุดเด่นอีกอย่างคือเสียงทำงานของคอมเพรสเซอร์ที่เบามากไร้เสียงรบกวน รับประกันการประหยัดพลังงานด้วยฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 มีรับประกันตัวสินค้า 3 ปี และประกันคอมเพรสเซอร์นาถึง 12 ปี

ข้อดี

– ช่องแช่แข็งอยู่ด้านล่าง สะดวกต่อครอบครัวที่ใช้งานตู้แช่แข็งน้อย

– มีระบบแยกการทำงานระหว่างช่องแช่เย็นและช่องแช่แข็ง

– ช่องแช่แข็งเป็นแบบลิ้นชักใช้งานสะดวกแม้ว่าจะอยู่ด้านล่าง

ข้อเสีย

– เนื่องจากตู้แช่แข็งอยู่ด้านล่างทำให้ต้องก้ม ๆ เงย ๆ เวลาใช้งาน

8. HISENSE รุ่น RS670N4AF1

HISENSE รุ่น RS670N4AF1

น้ำหนักรวม 92.5 กิโลกรัม

ช่องแช่แข็ง 99 ลิตร

ช่องแช่เย็น 120 ลิตร

ขนาด 172.3 x 70.4 x 68.7 เซนติเมตร

ราคา 22,990 บาท

อีกหนึ่งรุ่นที่น่าจับตาจากแบรนด์ HISENSE รุ่น RS670N4AF1 มาพร้อมกับสีดำดุกันดูหรูหราทันสมัยน่าใช้งาน ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี มีขนาดใหญ่ถึง 19 คิว สามารถเก็บอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างจุใจเพราะมีช่องเก็บของมากกว่าตู้แบบปกติถึง 2 เท่า มีประตูเปิดปิดแบบสองข้างแบบเปิดออกทั้งซ้าย-ขวาได้ตามต้องการ ระบบทำความเย็นที่ควบคุมด้วยไมโครคอมพิวเตอร์ปรับการทำงานแบบอัจฉริยะช่วยให้ประหยัดพลังงานได้ดี มีการกระจายความเย็นแบบ Multi-Air Flow ช่วยกระจายความเย็นซ้ายขวาได้อย่างสม่ำเสมอ แถมด้วยระบบทำความเย็นแบบ Super Cool และ Super Freeze ที่สามารถเร่งความเย็นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ภายในมีชั้นเก็บอาหารที่ออกแบบมาอย่างเป็นสัดส่วนสามารถหยิบใช้งานง่าย ด้านข้างชั้นวางสามารถวางขวดน้ำขนาดใหญ่ได้สบาย ด้านล่างมีช่องแช่ผักถึง 2 ช่อง เหมาะสำหรับบ้านไหนที่ทำอาหารเพื่อสุขภาพบ่อย ๆ รับรองการประหยัดพลังงานด้วยฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ประกันตัวสินค้า 3 ปี และประกันคอมเพรสเซอร์นานถึง 12 ปี

ข้อดี

– ช่องใช้งานเยอะ

– ระบบกันน้ำแข็งเกาะช่วยถนอมอาหารโดยไม่ต้องละลายเมื่อต้องทำอาหาร

ข้อเสีย

– ต้องการพื้นที่ในการใช้งานเยอะ

9. SHARP รุ่น SJ-C19E 

SHARP รุ่น SJ-C19E

น้ำหนักรวม 36 กิโลกรัม

ช่องแช่แข็ง 36 ลิตร

ช่องแช่เย็น 131 ลิตร

ขนาด 135 x 53.5 x 56 เซนติเมตร

ราคา 6,290 บาท

อีกหนึ่งแบรนด์ที่เราได้ยินกันบ่อยในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็คือ SHARP ที่มากับรุ่นเล็กอย่างรุ่น SJ-C19E ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดและน้ำหนักที่เบาเคลื่อนย้ายได้สะดวกตัวตู้เย็นผลิตจากวัสดุคุณภาพดี แข็งแรงทนทาน มีดีไซน์ภายนอกสีดำที่ดูหรูหราสวยงาม ช่องแช่แข็งมีปุ่มทำน้ำแข็งแบบเร่งด่วนสามารถทำน้ำแข็งได้เร็วกว่าตู้เย็นรุ่นอื่น ๆ ด้านในชั้นวางอาหารทำจากกระจกนิรภัยที่รองรับน้ำหนักได้มาก มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 พร้อมประกันตัวเครื่อง 1 ปี ประกันคอมเพรสเซอร์นานถึง 10 ปี

อ่านบทความเกี่ยวข้อง  10 ปลั๊กพ่วงปลอดภัยแน่ ผ่านมาตรฐาน มอก.

ข้อดี

– ระบบทำความเย็นแบบ Multi Air Flow ทำความเย็นได้ทั่วถึง

– ระบบ Ag+ Nani Deodorizer ที่ช่วยกำจัดแบคทีเรียและกลิ่นอาหารภายในตู้ช่วยให้อาหารภายในตู้สดใหม่อยู่เสมอ

ข้อเสีย

– ช่องใช้งานมีค่อนข้างจำกัด

10. HAIER รุ่น HRF-190MNI

HAIER รุ่น HRF-190MNI

น้ำหนักรวม 40 กิโลกรัม

ช่องแช่แข็ง 49 ลิตร

ช่องแช่เย็น 119 ลิตร

ขนาด 135 x 49.5 x 51 เซนติเมตร

ราคา 6,700 บาท

สุดท้ายที่แบรนด์ HAIER ที่เป็นแบรนด์ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำเหมือนกับแบรนด์อื่น ๆ HAIER รุ่น HRF-190MNI มาพร้อมกับขนาดกะทัดรัดไม่เล็กและไม่ใหญ่ รูปลักษณ์ภายนอกดีไซน์สวยงามด้วยสีเงินหรูหรา มีระบบทำความเย็นแบบ Navi Cooling สามารถปรับระดับได้ถึง 5 ระดับ ชั้นภายในผลิตจากกระจกนิรภัยรองรับน้ำหนักได้ถึง 120 กิโลกรัม รับประกันสินค้า 3 ปี และประกันคอมเพรสเซอร์ 1 ปี มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5

ข้อดี

– ช่องแช่แข็งมีเทคโนโลยี Turbo Ice ที่สามารถทำน้ำแข็งได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง

ข้อเสีย

เป็นอย่างไรกันบ้าง จากการสรุปกันไปกับข้อมูลตู้แบบ 2 ประตูและรายละเอียดแบรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เรียกได้ว่า เป็นสินค้าที่ต้องมีติดบ้านกันแทบจะทุกหลัง ซึ่งการเลือกซื้อก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนแต่ละบ้าน เพื่อให้ได้ตู้เย็นที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด หากใครกำลังพิจารณาซื้อตู้เย็นใหม่หรือตัวเก่ากำลังจะหมดอายุ ก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนตัดสินใจเลือกซื้อตู้เย็น 2 ประตูง่ายขึ้น