
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเครื่องฟอกอากาศในยุคนี้กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีในทุกบ้าน เพราะจากสภาพอากาศที่เต็มไปด้วยฝุ่นควัน และที่สำคัญคือมลพิษทางอากาศที่ทำให้สุขภาพของใครหลายคนย่ำแย่ PM 2.5 แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่จะส่งผลร้ายแรงกับปัญหาสุขภาพในอนาคต เครื่องฟอกอากาศจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้การใช้ชีวิตอยู่ในทุกวันนี้
อย่างไรก็ดีตามท้องตลาดเองก็มีเครื่องฟอกอากาศที่วางจำหน่ายอยู่เป็นจำนวนมาก การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศสักเครื่องซึ่งก็มีราคาที่ตั้งแต่ราคาถูกไปจนถึงราคาสูงต่างกันอย่างไร มีรุ่นไหนจากแบรนด์ใดบ้างที่น่าสนใจ ในบทความชิ้นนี้ได้รวบรวมมาไว้ให้ทุกคนได้ลองนำข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจถึง 10 อันดับด้วยกัน ถ้าอยากรู้ว่าจะมีเครื่องฟอกอากาศตัวใดบ้างแล้ว ไปติดตามกันได้
10 เครื่องฟอกอากาศ
6. Dyson Pure Cool™ Air Purifying Tower Fan TP04
1. Samsung Blue Sky AX3300

ราคา: 12,590 บาท
ประเภท: แบบพัดลม
ขนาดเครื่อง: 35 x 64 x 35 ซม.
สำหรับขนาดห้อง: 40 ตร.ม.
ฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ: ตรวจวัดคุณภาพอากาศอัตโนมัติ
ดักจับ PM 2.5: ทำได้
ดับกลิ่น: ทำได้
HEPA Filter: ทำได้
เครื่องฟอกอากาศที่เมื่อเข้าไปอยู่ในบ้าน ก็ไม่ต่างจากการทำหน้าที่ของเครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องหนึ่ง และเฟอร์นิเจอร์ทำให้รูปลักษณ์ และงานออกแบบของเครื่องฟอกอากาศในปัจจุบันมีรูปแบบที่ดูดี และล้ำสมัยขึ้นเรื่อย ๆ หนึ่งในเครื่องฟอกอากาศที่นำแรงบันดาลใจในส่วนนี้ไปพัฒนาก็คงหนีไม่พ้นกับ Samsung Blue Sky AX3300 ที่มีลักษณะโดดเด่นคือ งานออกแบบที่ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม เรียบหรู ดูเข้าได้กับทุกบรรยากาศของบ้าน ฟังก์ชันการทำงานของเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้สามารถที่จะกำจัดฝุ่น PM0.3 ได้มากถึง 99.9% ทำให้การมีเครื่องฟอกอากาศ Samsung Blue Sky AX3300 ทำให้คุณโล่งใจได้ว่าอากาศที่จะเข้าไปในร่างกายของคุณบริสุทธิ์ และสะอาด
อย่างไรก็ตามความน่าสนใจของเครื่องฟอกอากาศนี้ยังไม่ได้หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะมีแผ่นกรองอากาศ 3 ชั้น ที่จะทำการกรองแบคทีเรีย และสิ่งสกปรกที่อยู่ในอากาศถูกกั้น และนำแต่อากาศที่มีความบริสุทธิ์ถ่ายเทออกมาเพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับอากาศที่ดีต่อสุขภาพ และหมดห่วงเรื่องของฝุ่น หรือละอองเกสรที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นปัจจัยของโรคภูมิแพ้
ข้อดี
– งานออกแบบที่ดูล้ำสมัย เข้าถึงง่าย
– กำจัดฝุ่น PM0.3 ได้มากถึง 99.9%
– แผ่นกรองอากาศ 3 ชั้น กรองแบคทีเรีย
ข้อเสีย
– ราคาสูง
2. Hatari HT-AP12

ราคา: 4,190 บาท
ประเภท: ระบบไอออน
ขนาดเครื่อง: 19.3 x 39.0 x 53.5 ซม.
สำหรับขนาดห้อง: 32 ตร.ม.
ฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ: ตั้งเวลาเปิด – ปิดอัตโนมัติ, Sleep Mode, ระบบตัดไฟอัตโนมัติ Thermal Fuse
ดักจับ PM 2.5: ทำได้
ดับกลิ่น: ทำได้
HEPA Filter: ทำได้
หนึ่งในความกังวลของผู้ใช้เครื่องฟอกอากาศคือ การเปิดติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้ค่าใช้จ่ายค่าไฟสูงขึ้นไปด้วย หายห่วงไปได้ถ้าคุณเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศอย่าง Hatari HT-AP12 เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้มีความสามารถพิเศษจากโหมดประหยัดพลังงานด้วย Sleep Mode ที่ทำให้เครื่องฟอกอากาศใช้พลังงานเท่าที่จำเป็น แต่ยังได้ประสิทธิภาพในการทำงานเท่าเดิม และที่สำคัญคือเสียงที่เบามากเป็นพิเศษ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถหลับได้อย่างมีคุณภาพ
ระบบการกรองที่เหนือชั้นกว่าด้วย การทำงานแบบ Ionizer ที่จะเป็นกลไกเฉพาะของ Hatari HT-AP12 โดยตัวเครื่องจะทำการปล่อยประจุไอออนลบเพื่อทำการดักจับฝุ่นที่มีขนาดเล็ก เพื่อทำให้เป็นการกรองอากาศแบบละเอียด ทำให้ผู้ใช้สัมผัสได้แทบจะในทันทีว่าอากาศดีขึ้น และหายใจได้โล่งสบาย จากเสียงของผู้ใช้งานหลายท่านบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า การเลือกใช้งานเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ทำให้พวกเขามีอาการที่ดีขึ้นจากการเป็นภูมิแพ้ และทำให้การนอนหลับง่ายขึ้น ใครที่เป็นหนึ่งในคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอน เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ก็จัดได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
ข้อดี
– ราคาไม่สูงมาก
– มีโหมดประหยัดพลังงาน
– เสียงเบา ไม่รบกวนสมาธิ
ข้อเสีย
– เหมาะกับห้องขนาดเล็ก
3. DAIKIN MC55UVM6

ราคา: 14,900 บาท
ประเภท: แบบไฟฟ้าสถิต
ขนาดเครื่อง: 50 x 27 x 27 ซม.
สำหรับขนาดห้อง: 41 ตร.ม.
ฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ: เทคโนโลยี Active Plasma Ion, เทคโนโลยี Streamer, ระบบล็อกป้องกันเด็ก, ระบบป้องกันไฟตก – ไฟกระชาก
ดักจับ PM 2.5: ทำได้
ดับกลิ่น: ทำได้
HEPA Filter: ทำได้
จะเป็นอย่างไรถ้าเครื่องฟอกที่คุณมีอยู่ที่บ้านถูกออกแบบมาเพื่อทุกกรณี ไม่ว่าจะไฟตก หรือไฟกระชาก ก็ไม่สามารถหยุดการทำงานของเครื่องฟอกอากาศไปได้ นี่เป็นสิ่งที่ทำได้จริงในเครื่องฟอกอากาศอย่าง DAIKIN MC55UVM6 เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับแบรนด์ DAIKIN ที่จัดได้ว่าเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากญี่ปุ่นที่มีผลงานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่น่าติดตาม และนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้กับผลงานได้น่าประทับใจ เช่นเดียวกันกับเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ที่มีระบบการฟอกอากาศที่ข้ามขั้น เพราะไม่ได้เพียงแต่ทำการฟอกแต่อากาศ หรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์เท่านั้น เพราะตัวเครื่องสามารถที่จะย่อยสลายโปรตีนในอากาศ ซึ่งหมายความว่าเป็นการทำลายปัจจัยที่จะทำให้เกิดเชื้อโรค หรือแบคทีเรียที่จะเป็นทั้งสาเหตุหลักในการเกิดโรคต่าง ๆ
อย่างไรก็ตามตัวเครื่องไม่ได้เพียงแต่ฟอกอากาศ แต่ด้านระบบในการทำงานของเครื่องยังมีการผสานเข้ากับ เทคโนโลยี Active Plasma Ion ร่วมกับเทคโนโลยี Streamer ที่จะทำให้อากาศทั้งภายนอก และภายในของเครื่องบริสุทธิ์ ที่จะทำให้หนึ่งในปัญหาที่พบอยู่บ่อยครั้งอย่างการเปิดเครื่องภายในเพื่อทำความสะอาด และพบว่าภายในสกปรกมาก ไม่เกิดขึ้นกับเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ พร้อมมีระบบไฟสำรองในกรณีที่การจ่ายไฟมีปัญหา ถ้าจะพูดถึงเครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ เครื่องฟอกอากาศ DAIKIN MC55UVM6 เป็นตัวเลือกที่ปัดตกไม่ได้จริง ๆ
ข้อดี
– ใช้งานต่อได้แม้ระบบจ่ายไฟมีปัญหา
– กำจัดเชื้อโรคที่มองไม่เห็น
– Active Plasma Ion และ Streamer เทคโนโลยีที่ทำให้อากาศดีทั้งภายใน และภายนอก
ข้อเสีย
– ราคาที่ถือว่าสูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องฟอกอากาศอื่น ๆ
4. Bwell CF-8400

ราคา: 9,990 บาท
ประเภท: แบบพัดลม
ขนาดเครื่อง: 32.4 x 16.2 x 40.9 ซม.
สำหรับขนาดห้อง: 10 – 30 ตร.ม.
ฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ: หน้าจอระบบสัมผัส, มีระบบฆ่าเชื้อโรคด้วย UV
ดักจับ PM 2.5: ทำได้
ดับกลิ่น: ทำได้
HEPA Filter: ทำได้
เครื่องฟอกอากาศราคาไม่สูงมาก แต่ได้ประสิทธิภาพในการทำงานแบบเหนือทุกระดับ Bwell CF-8400 อาจจะเป็นหนึ่งในเครื่องฟอกอากาศที่คุณกำลังหาอยู่ เพราะเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้มีระบบฟอกอากาศ 6 ขั้นตอน มั่นใจได้ว่าอากาศที่ได้ผ่านออกมาจากเครื่องฟอกอากาศ Bwell CF-8400 จะเป็นอากาศที่ดีต่อสุขภาพของผู้ใช้งานเสมอ เพราะตัวเครื่องมีความสามารถในการกรอง PM 2.5 ฝุ่น ควัน ก๊าซพิษ และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ด้วยเครื่องเดียวราคาไม่ถึงหมื่นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องฟอกอากาศที่น่าจับตามองทีเดียว
ลักษณะงานออกแบบของเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ถูกผลิตออกมาเพื่อเป็นก้าวต่อไปของวงการเครื่องฟอกอากาศกันเลยก็ว่าได้ เพราะตัวเครื่องไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อกรองอากาศเท่านั้น เพราะยังมี UVGI ที่จะทำลายมลพิษ เช่น พวกเชื้อไวรัส และแบคทีเรียที่จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ และอาการป่วยพื้นฐานได้ สารพัดประโยชน์ และใช้งานได้หลากหลายขนาดนี้ใครที่กำลังเล็งอยู่ต้องเพิ่มเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ไปไว้ในลิสต์แล้ว
ข้อดี
– ระบบฟอกอากาศ 6 ขั้นตอน
– UVGI ที่จะทำลายชีวมลพิษ
ข้อเสีย
– เหมาะกับห้องขนาดเล็ก
5. PHILIPS AC1215

ราคา: 5,290 บาท
ประเภท: แบบพัดลม
ขนาดเครื่อง: 54.1 x 32.5 x 21.1 ซม.
สำหรับขนาดห้อง: 21 – 63 ตร.ม.
ฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ: Healthy Air Protect Alert , โหมด NightSense อัตโนมัติ, เทคโนโลยี VitaShield IPS
ดักจับ PM 2.5: ทำได้
ดับกลิ่น: ทำได้
HEPA Filter: ทำได้
ในราคาย่อมเยา ใช้งานง่าย ประสิทธิภาพคุ้มราคา อาจจะเป็นนิยามของเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ PHILIPS AC1215 ในสมัยก่อนแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะได้เห็นเครื่องฟอกอากาศที่ราคาเพียงห้าพันกว่าบาท ที่สามารถกรองฝุ่น pm 2.5 และยังใช้งานด้วยระบบหน้าจอสัมผัสที่สามารถสั่งการได้โดยตรง หรือจะตั้งปลดล็อคเอาไว้ได้อีกด้วย ในกรณีที่บ้านมีเด็กเล็ก หรือมีสัตว์เลี้ยง เรียกได้ว่าคิดมาเผื่อในทุกกรณีการใช้งาน เพื่อให้ง่าย และสะดวกสบายมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
พร้อมกับระบบอัจฉริยะที่จะทำการเปลี่ยนโหมดเป็นเวลากลางคืน ตัวเครื่องจะทำงานเช่นเดิม แต่จะลดเสียงในการทำงานให้ต่ำลง เพื่อให้เหมาะกับการนอนหลับ ช่วยให้ผู้ใช้งานนอนง่าย และได้อากาศที่บริสุทธิ์ สะอาดอยู่เสมอ และระบบจะทำการแจ้งเตือนเมื่อคุณภาพของแผ่นกรองเริ่มไม่เหมาะกับการใช้งาน โดยที่ผู้ใช้บริการไม่จำเป็นต้องทำการเปิดตรวจสอบเอง และเสี่ยงกับการเจอฝุ่นคละคลุ้ง
ข้อดี
– สั่งงานผ่านหน้าจอดิจิตอล
– โหมดกลางคืน ประหยัดไฟ เสียงเบา
– ใช้งานได้หลากหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะกว้างมาก หรือขนาดเล็ก
ข้อเสีย
–
6. Dyson Pure Cool™ Air Purifying Tower Fan TP04

ราคา: 26,505 บาท
ประเภท: แบบพัดลม
ขนาดเครื่อง: 20.6 x 105.4 x 11.7 ซม.
สำหรับขนาดห้อง: 27 – 100 ตร.ม.
ฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ: เทคโนโลยี Air Multiplier™ , โหมด Night-time
ดักจับ PM 2.5: ทำได้
ดับกลิ่น: ทำไม่ได้
HEPA Filter: ทำได้
งานออกแบบที่ทำให้ตัวเครื่องมีความโดดเด่นไม่ซ้ำใครกับ Dyson Pure Cool™ Air Purifying Tower Fan TP04 จัดได้ว่าเป็นความล้ำหน้าเกินกว่าเครื่องฟอกอากาศในตลาดจะตามทัน สำหรับแบรนด์ดังอย่าง Dyson ที่ทุกครั้งที่ทำการปล่อยเครื่องใช้ไฟฟ้าออกมาใหม่ ๆ มักจะเป็นการสร้างสีสัน และเทคโนโลยีที่เหนือจินตนาการอยู่เสมอ เช่นเดียวกันกับครั้งนี้ที่ออกแบบเครื่องฟอกอากาศแบบพัดลมฟอกอากาศแบบไร้ใบ
ฟังก์ชันในการทำงานของเครื่องพัดลมฟอกอากาศแบบไร้ใบ ใช้ Air Multiplier™ ที่จะทำหน้าที่ช่วยกระจายลมออกไปในหลายทิศทางถึง 350 องศา ตัวเครื่องจะทำให้อากาศภายในห้องถ่ายเทได้สะดวก ส่งผลให้ผู้ใช้รู้สึกหายใจสะดวกยิ่งขึ้น มีการใช้ HEPA เพื่อดักจับฝุ่น และสิ่งแปลกปลอม ทำให้อากาศที่ถ่ายเทมีแต่อากาศที่บริสุทธิ์ และสะอาดเท่านั้น
ข้อดี
– งานออกแบบของเครื่องฟอกอากาศที่ล้ำหน้า ดูแปลกตา
– ถ่ายเทลมให้ทั่วห้องได้ดี
– กำจัดแบคทีเรีย และสิ่งสกปรกที่ยากต่อการจัดการ
ข้อเสีย
–
7. Xiaomi Mi Air Purifier 3H

ราคา: 4,190 บาท
ประเภท: แบบพัดลม
ขนาดเครื่อง: 24 x 24 x 52 ซม.
สำหรับขนาดห้อง: 28 – 48 ซม.
ฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ: หน้าจอ OLED, เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน Mi Home และ AI เสียงควบคุมอัจฉริยะ
ดักจับ PM 2.5: ทำได้
ดับกลิ่น: ทำได้
HEPA Filter: ทำได้
ไม่เคยทำให้ผิดหวังกับเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ Xiaomi และเช่นเดียวกันกับเครื่องฟอกอากาศรุ่น Xiaomi Mi Air Purifier 3H ก็ไม่ทำให้เหล่าแฟน ๆ แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าต้องรู้สึกนิ่งเฉยได้ เพราะเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้มาพร้อมกับ เซนเซอร์ และ HEPA Filter ที่จะทำหน้าที่ดักจับฝุ่น ละออง และสิ่งสกปรกขนาดเล็กมากให้อยู่หมัดแบบ Real Time ซึ่งความน่าสนใจ และจุดเด่นของเครื่องฟอกอากาศเครื่องนี้ยังมีความสะดวกสบายที่ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะใช้งานแบบสัมผัสกับหน้าจอ LED โดยตรง หรือจะทำงานผ่านแอปพลิเคชันที่รองรับทั้งระบบ iOS และ Android ได้ด้วยอีกเช่นเดียวกัน
ข้อดี
– งานออกแบบที่ดูเรียบหรู
– ทำงานผ่านแอปพลิเคชันที่รองรับทั้งระบบ iOS และ Android ได้
– ราคาถูก
ข้อเสีย
– ไม่สามารถกำจัดแบคทีเรียได้
8. Xiaomi Air Purifier Pro H

ราคา: 7,999 บาท
ประเภท: แบบพัดลม
ขนาดเครื่อง: 31 ×31.3 ×79.8 ซม.
สำหรับขนาดห้อง: 42 – 72 ตร.ม.
ฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ: หน้าจอ OLED, เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน Mi Home และ AI เสียงควบคุมอัจฉริยะ
ดักจับ PM 2.5: ทำได้
ดับกลิ่น: ทำได้
HEPA Filter: ทำได้
เครื่องฟอกอากาศที่ดี ไม่จำเป็นต้องราคาสูงเสมอไป Xiaomi Air Purifier Pro H เป็นเครื่องฟอกอากาศอีกหนึ่งรุ่นที่เรียกได้ว่าตอบโจทย์สำหรับผู้คนในยุคนี้ได้ดีทีเดียว ไส้กรอกของเครื่องฟอกอากาศนี้จัดได้ว่ามีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน เหมาะกับการใช้งานขนาดห้องกว้าง หรือพื้นที่ที่กว้างได้มากถึง 72 ตารางเมตร การทำงานของเครื่องเป็นระบบของการกรองที่มีมาให้ผู้ใช้งานได้เลือกโหมดที่เหมาะสมกับสถานที่ได้มากถึง 6 โหมดด้วยกัน
ด้านงานออกแบบของเครื่องฟอกอากาศเครื่องนี้จัดได้ว่าทำออกมาสไตล์มินิมอล เน้นดูเรียบหรู เพื่อให้สามารถเข้ากับบ้านทุกรูปแบบได้ โดยที่เครื่องฟอกอากาศนี้ไม่ได้เป็นเพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ยังสามารถวางไว้เพื่อเป็นหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างไม่ติดขัด หากที่บ้านของผู้ใช้งานมีเด็กไม่ต้องกังวลว่าน้อง ๆ จะเข้ามาซนระหว่างที่เครื่องฟอกอากาศเครื่องนี้กำลังทำได้งานได้ เพราะมีระบบ Kids Lock ทำให้เด็ก ๆ ไม่สามารถเข้ามากด หรือทำการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าได้ ที่สำคัญคือทั้งหมดที่ได้กล่าวไปในรายละเอียดของ Xiaomi Air Purifier Pro H มาในราคาที่ไม่ถึงหลักหมื่นเพียงเท่านั้น
ข้อดี
– งานออกแบบที่ดูเรียบหรู สไตล์มินิมอล
– ทำงานผ่านแอปพลิเคชันที่รองรับทั้งระบบ iOS และ Android ได้
– ราคาถูก
– ระบบ Kids Lock ทำให้เด็ก ๆ ไม่สามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าได้
ข้อเสีย
– ไม่สามารถกำจัดแบคทีเรียได้
9. Sharp KC-G50TA-W

ราคา: 17,790 บาท
ประเภท: แบบพัดลมระบบไอออน
ขนาดเครื่อง: 34.5 x 63.1 x 26.2 ซม.
สำหรับขนาดห้อง: 21 – 38 ตร.ม.
ฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ: เทคโนโลยี Plasmacluster, ระบบทำไอน้ำ
ดักจับ PM 2.5: ทำได้
ดับกลิ่น: ทำได้
HEPA Filter: ทำได้
จะดีกว่าไหมถ้าเครื่องฟอกอากาศสามารถที่จะทำการฆ่าเชื้อโรคที่สายตามองไม่เห็นให้คุณได้ และเครื่องฟอกอากาศเครื่องนี้สามารถทำได้จริง ๆ ด้วย เทคโนโลยี Plasmacluster แบบเข้มข้น ตัวเครื่องฟอกอากาศ Sharp KC-G50TA-W จะทำการปล่อยอนุภาคขนาดเล็กมากที่สายตาของมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ออกมา เพื่อทำการฆ่าเชื้อโรคที่ลอยอยู่ในอากาศ และแบคทีเรีย รวมไปถึงสิ่งสกปรกทั้งหลายให้หมดไป ทำให้อากาศที่คุณได้สูดเข้าไปนั้นเป็นอากาศที่สะอาด และไร้สิ่งสกปรก
ข้อดี
– ฆ่าเชื้อโรคที่สายตามองไม่เห็นให้คุณได้
– ระบบทำไอน้ำ
ข้อเสีย
– ราคาสูง
10. SHARP FP-J30TA

ราคา: 2,550 บาท
ประเภท: แบบพัดลมระบบไอออน
ขนาดเครื่อง: 41.1 x 43.1 x 21.1 ซม.
สำหรับขนาดห้อง: 16 – 23 ตร.ม.
ฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ: เทคโนโลยี Plasmacluster, โหมดการทำงาน 3 โหมด
ดักจับ PM 2.5: ทำได้
ดับกลิ่น: ทำได้
HEPA Filter: ทำได้
เครื่องฟอกอากาศที่มีขนาดเล็กมาก แทบจะเรียกได้ว่าเล็กที่สุด แต่ประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ SHARP FP-J30TA กลับใหญ่เกินตัว เพราะตัวเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้มีชื่อเสียงด้านของการกำจัดเชื้อโรค และแบคทีเรีย เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศนี้จะทำการปล่อย Plasmacluster ช่วยกำจัดเชื้อไวรัสซึ่งเป็นสาเหตุของอาการภูมิแพ้ อีกทั้งความโดดเด่นของเครื่องคือมีระยะในการตั้งเวลาที่หลากหลาย เพื่อให้เหมาะกับรูปแบบในการใช้ชีวิตของผู้ใช้ ด้วยขนาดที่เล็กมากทำให้การใช้เครื่องฟอกอากาศของรุ่นนี้ค่อนข้างจำกัด และเหมาะกับสถานที่ 23 ตร.ม. แต่เพียงเท่านั้น เพื่อให้ประสิทธิภาพในการทำงานสามารถทำได้ดี
ข้อดี
– เล็กกะทัดรัด
– เสียงเบา
– ราคาถูก
– กำจัดเชื้อโรคได้ด้วย Plasmacluster
ข้อเสีย
–
ทั้งหมดนี้เป็นรายละเอียดของเครื่องฟอกอากาศที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ด้วยราคาที่ไม่สูงมาก แต่ความสามารถในการฟอกอากาศที่บริสุทธิ์ และสะอาดมาก เทคนิคในการเลือกซื้อสินค้าประเภทนี้ควรจะวิเคราะห์จากหลาย ๆ องค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการในการใช้งาน สถานที่ ประสิทธิภาพของเครื่องที่เหมาะสม และราคา หากนำปัจจัยเหล่านี้มาเป็นตัวชี้วัดก็จะทำให้คุณได้เครื่องฟอกอากาศที่ไม่จำเป็นต้องมีราคาสูง