
โทรทัศน์ ถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และเชื่อว่าทุกบ้านจะต้องมีอย่างแน่นอน ทั้งนี้ก็เพื่อใช้สำหรับรับชมเนื้อหาต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น กีฬา ภาพยนตร์ ข่าว สารคดี และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งโทรทัศน์ในปัจจุบัน ก็มีอยู่หลากหลายประเภทเช่นเดียวกัน อาทิ โทรทัศน์แอนะล็อก, โทรทัศน์ดิจิทัล, Smart TV และ Android TV โดยต้องบอกก่อนว่า Android TV คือการเลือกซื้อประเภทของโทรทัศน์ที่ค่อนข้างชาญฉลาดเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็มีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าโทรทัศน์ประเภทอื่น ๆ พอสมควร จึงส่งผลในการเลือกซื้อ Android TV ไว้ติดบ้านสักเครื่องเป็นอย่างมาก
เพราะฉะนั้นจึงถือเป็นสาเหตุที่หลาย ๆ ท่าน เลือกที่จะซื้อ “Android Box” แทนเสียมากกว่า เพราะในเรื่องของราคา ก็ต้องยอมรับเลยว่ามีราคาที่ค่อนข้างถูกกว่าเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการเปลี่ยนโทรทัศน์ธรรมดา ๆ ให้กลายเป็น Android TV ได้อย่างง่ายดายเลยนั่นเอง อีกทั้งในส่วนของประสิทธิภาพการทำงาน ก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่ากันแต่อย่างใด แต่จะแตกต่างกันเพียงแค่คุณภาพของหน้าจอเพียงเท่านั้น โดยในท้องตลาดก็มีวางจัดจำหน่ายอยู่อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น GMM-Z, True, Xiaomi และอีกมากมายหลากหลายแบรนด์ ทำให้หลายท่านเกิดความสับสนมากพอสมควรว่า จะเลือกซื้อ Android Box ยี่ห้อไหนดี ซึ่งในวันนี้ทางเราก็มีความตั้งใจที่จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักให้มากยิ่งขึ้น เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจนั่นเอง
Android Box คืออะไร
Android Box คือ อุปกรณ์อีกประเภทหนึ่ง ที่มีลักษณะการทำงานที่คล้ายกันกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งภายในกล่องจะประกอบไปด้วยฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น RAM CPU พื้นที่เก็บข้อมูล รวมถึงพอร์ตการเชื่อมต่อต่าง ๆ ที่ทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติการ Android ที่ได้ทำการออกแบบมาให้สามารถใช้งานควบคู่กับจอโทรทัศน์ รวมถึงหน้าจอแสดงผลอื่น ๆ ที่มีพอร์ตการเชื่อมต่อที่เข้ากันได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ HDMI หรือ AV
หลังจากที่ได้ทำการเชื่อมต่อ Android TV เข้ากับโทรทัศน์ หรือหน้าจอแสดงผลอื่น ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะทำให้โทรทัศน์ธรรมดา รวมถึง Smart TV กลับกลายมาเป็นโทรทัศน์อัจฉริยะ ด้วยระบบ Android TV ที่มีฟังก์ชันต่าง ๆ รวมถึงฟีเจอร์การทำงานที่ค่อนข้างหลากหลายมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น การสั่งงานด้วยเสียง การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต การดาวน์โหลดแอปพลิเคชันต่าง ๆ บน Google Play Store รวมถึงการสะท้อนสัญญาณหน้าจอสมาร์ตโฟน หรือแท็บเล็ตไปบนหน้าจอ และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่จะช่วยให้ทุกท่านสนุกสนานไปกับการรับชมสิ่งต่าง ๆ ได้มากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
วิธีเลือก Android Box
อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า ในปัจจุบันมี Android Box วางจำหน่ายอยู่มากมายหลากหลายแบรนด์ ทั้งนี้เพื่อช่วยให้ทุกท่านสามารถเลือกซื้อได้อย่างตรงตามความต้องการได้มากที่สุด ก็ไปดูพร้อม ๆ กันเลยว่า จะต้องพิจารณาจากปัจจัยใดบ้าง
1.เลือกจากสเปคของตัวเครื่อง
อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่า Android TV มีลักษณะการทำงานที่ค่อนข้างคล้ายกันกับคอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้นหากต้องการใช้งานกล่องดังกล่าวแล้วล่ะก็ ทุกท่านจำเป็นจะต้องทำการพิจารณาจาก RAM และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล เป็นสำคัญ สำหรับ RAM ที่มีขนาด 1-2 GB ก็ถือว่ามีความเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว แต่ถ้าหากท่านใดที่มีความชื่นชอบความรวดเร็ว หรือต้องการใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด ก็สามารถเลือก RAM ที่มีขนาด 4GB ได้ตามต้องการ
ในส่วนของพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ส่วนใหญ่จะมีขนาดอยู่ที่ 8GB สำหรับการใช้งานเพียง 4-5 แอปพลิเคชัน เรียกได้ว่าเป็นความจุที่เหลือเนื้อที่เยอะพอสมควร แต่ถ้าทุกท่านต้องการใช้งานแอปพลิเคชันที่มากขึ้นไปอีก หรือต้องการที่จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ ในปริมาณที่มาก ก็แนะนำให้เลือกซื้อ Android TV ที่มีหน่วยความจำ ที่ 16 GB ขึ้นไป
2.เลือกจากวิธีการเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ต
ในส่วนของ “วิธีการเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ต” ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทุกท่านไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด เนื่องจาก Android TV บางรุ่นไม่มีพอร์ต LAN ที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อ จึงจำเป็นจะต้องเปลี่ยนมาใช้การเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตแทน โดยจะต้องดูว่ากล่องต่าง ๆ เหล่านั้นมาพร้อมกับระบบ Wi-Fi แบบ Dual Band (2.4 และ 5 GHz) หรือไม่
10 Android Box ที่ทุกบ้านควรติดตั้ง
1. true TrueID TV

แบรนด์: true TrueID TV
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: LAN, Wi-Fi 2.4/5 GHz
Ram: 2 GB
Storage: 8 GB
Widevine DRM: L3
Android: 8.0
UHD 4K: มี
ราคา: 2,490 บาท
true TrueID TV ถือเป็นอีกหนึ่ง Android Box ที่มีความคุ้มค่ากับราคาเป็นอย่างมาก เนื่องจากทุกท่านสามารถรับชมเนื้อหาต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นของประเทศไทย หรือต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ข่าว กีฬา ภาพยนตร์ การ์ตูน เพลง อีกทั้งยังสามารถซื้อแพ็กเกจเพิ่มเติมได้อีกด้วย เรียกได้ว่าสามารถเลือกรับชมได้อย่างจุใจเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังจะสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพิ่มเติม ได้จาก Play Store ได้อีกด้วย และที่สำคัญก็คือ มีฟีเจอร์ที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับทุกท่านอย่างเต็มประสิทธิภาพ อย่าง Google Assistant ที่ช่วยให้ทุกท่านสามารถใช้งาน Android Box ด้วยระบบสั่งการด้วยเสียง ที่สามารถเพิ่มความสะดวกสบายให้ทุกท่านได้อย่างเป็นเท่าตัว เรียกได้ว่าเป็น Android Box ที่ทุกบ้านจำเป็นจะต้องมีติดบ้านไว้สักเครื่องอย่างแน่นอน
ข้อดี
– เลือกรับชมสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย อัดแน่นจุใจ
– มีระบบสั่งการด้วยเสียง ที่สะดวกสบายเป็นอย่างมาก
– สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ
ข้อเสีย
–
2. Xiaomi Mi Box S

แบรนด์: Xiaomi Mi Box S
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: Wi-Fi 2.4/5 GHz
Ram: 2 GB
Storage: 8GB
Widevine DRM: L1
Android: 8.1
UHD 4K: มี
ราคา: 2,900 บาท
Xiaomi Mi Box S ถือเป็น Android Box ที่สาวกซีรีส์ และภาพยนตร์ จากแอปพลิเคชัน Netflix จำเป็นจะต้องมีติดบ้านอย่างแน่นอน เนื่องจากผ่านการรับรองมาตรฐาน Widevine DRM ระดับ L1 จาก Google โดยตรง ที่มีคุณสมบัติในการช่วยให้ทุกท่าน สามารถรับชมสื่อบันเทิงต่าง ๆ ได้ถึงระดับ UHD 4K เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังได้ทำการปรับแต่งคุณภาพของเสียง จาก Dolby Audio และ DTS ที่ทำให้ทุกท่านสามารถรับชมสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก ไม่ว่าภาพหรือว่าเสียง ที่สำคัญก็คือยังมาพร้อมกับ Dolby Audio และ DTS ที่ช่วยให้ทุกท่านส่งต่อสิ่งต่าง ๆ บนสมาร์ตโฟน รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าสู่หน้าจอโทรทัศน์ได้โดยตรง
ข้อดี
– ช่วยให้สามารถรับชมซีรีส์ หรือภาพยนตร์ต่าง ๆ ได้อย่างคมชัด
– มีการใช้งานที่สะดวก สามารถส่งต่อสื่อต่าง ๆ บนสมาร์ตโฟนเข้าสู่หน้าจอโทรทัศน์ได้อย่างง่ายดาย
– รองรับความคมชัดระดับ UHD 4K
ข้อเสีย
–
3. Worldtech X96 Mini

แบรนด์: Worldtech X96 Mini
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: LAN, Wi-Fi 2.4 GHz
Ram: 1 GB
Storage: 8 GB
Widevine DRM: L3
Android: 7.1.2
UHD 4K: มี
ราคา: 890 บาท
Worldtech X96 Mini ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อ ที่ให้มาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น HDMI, USB, AV, LAN และ TF Card Reader ที่ช่วยให้ทุกท่านสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์แอนะล็อก โทรทัศน์ดิจิทัล และคอมพิวเตอร์ ในส่วนของราคาก็ถือว่ามีความคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง หากทำการเปรียบเทียบประสิทธิภาพต่าง ๆ ที่ทุกท่านจะได้รับ นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ทำการเชื่อมต่อกับอะแดปเตอร์เพียงเท่านั้น ในส่วนของเวอร์ชันของแอนดรอยด์ คือ 7.1 ที่อาจจะทำให้ทุกท่านเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันใหม่ ๆ ไม่ได้
ข้อดี
– คุณภาพเกินราคา
– สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย
– ติดตั้งได้อย่างง่ายดาย ไม่ยุ่งยาก
– เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันใหม่ ๆ ได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ข้อเสีย
–
4. Xiaomi Mi TV Stick

แบรนด์: Xiaomi Mi TV Stick
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: Wi-Fi 2.4/5 GHz
Ram: 1 GB
Storage: 8 GB
Widevine DRM: L1
Android: 9.0
UHD 4K: ไม่มี
ราคา: 1,490 บาท
Xiaomi Mi TV Stick ถือเป็น Android Box ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด มีหน้าตาที่ไม่ค่อยเหมือนกล่องทีวีทั่วไปแต่อย่างใด แต่ทว่าประสิทธิภาพการทำงานนั้น ถือได้ว่าค่อนข้างเยี่ยมคุ้มค่าเกินราคาเป็นอย่างมาก โดยมาพร้อมกับ RAM ขนาด 1 GB ที่อาจจะยังไม่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานบางท่าน ที่ต้องการความรวดเร็วสักเท่าไหร่นัก และในส่วนของการจัดเก็บข้อมูล ก็สามารถจัดเก็บได้สูงสุด 8 GB ที่ถือเป็นความจุมาตรฐาน นอกจากนี้ยังสามารถรองรับรายละเอียดภาพสูงสุด ในระดับ Full HD 1080P จึงเหมาะสำหรับการใช้งานควบคู่กับโทรทัศน์ดิจิทัลขนาด 43 นิ้วลงไป
ข้อดี
– ประสิทธิภาพคุ้มค่า และคุ้มราคาเป็นอย่างยิ่ง
– รองรับรายละเอียดภาพสูงสุด ระดับ Full HD
– มีขนาดเล็กกะทัดรัด มีความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร
ข้อเสีย
– เหมาะสำหรับโทรทัศน์ที่มีขนาดเล็ก
– ยังไม่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของความรวดเร็วได้แต่อย่างใด
5. GMM Z STREAM 4.0

แบรนด์: GMM Z STREAM 4.0
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: Wi-Fi 2.4/5 GHz
Ram: 2 GB
Storage: 16 GB
Widevine DRM: L3
Android: 9.0
UHD 4K: มี
ราคา: 1,390 บาท
GMM Z STREAM 4.0 กล่อง Android Box ประสิทธิภาพสูง ที่มาพร้อมกับ RAM ขนาด 2 GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสูงสุดที่ 16 GB ที่ช่วยให้ทุกท่านสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้อย่างจุใจ อีกทั้งยังใช้ CPU AMLOGIC S905W แบบ Quad-Core ความเร็วสูง ที่มีคุณสมบัติในการประมวลผลได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถรองรับความละเอียดภาพในระดับ UHD 4K สูงสุดที่ 60fps ได้อีกด้วย แต่ทว่าสำหรับผู้ใช้งานที่ชื่นชอบรับชม Netflix กล่องทีวีรุ่นนี้คงจะไม่สามารถตอบโจทย์ได้มากเท่าไหร่นัก เนื่องจาก Widevine DRM อยู่ที่ระดับ L3 เท่านั้น
ข้อดี
– มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ค่อนข้างเยอะ
– ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้อย่างจุใจ
– ใช้ CPU ที่ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การรับชมลื่นไหล ไม่มีสะดุด
– รองรับความละเอียดสูงสุดที่ UHD 4K สูงสุดที่ 60fps
ข้อเสีย
– ไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการรับชมผ่าน Netflix
6. Infosat OTT-S168

แบรนด์: Infosat OTT-S168
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: LAN, Wi-Fi 2.4 GHz
Ram: 2 GB
Storage: 16 GB
Widevine DRM: L3:
Android: 10
UHD 4K: มี
ราคา: 1,190 บาท
Infosat OTT-S168 ถือเป็นหนึ่งใน Android Box แบรนด์ไทย ราคาสบายกระเป๋า ที่มาพร้อมกับคุณภาพ และบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง โดยรุ่นนี้จะใช้ Android 10.0 หรือรุ่นล่าสุด ที่มีคุณสมบัติในการช่วยให้การทำงานโดยรวมมีความเสถียรมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังรองรับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ใน Play Store ได้อย่างหลากหลาย ในส่วนของพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลนั้น จะมีความจุสูงสุดอยู่ที่ 16 GB หากยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ก็สามารถเพิ่มโดย SD card ได้สูงสุด 32 GB ในส่วนของรีโมทคอนโทรลก็มาพร้อมกับระบบ IR Learning ที่ช่วยให้สามารถสั่งงานกล่องทีวีได้อย่างง่ายดายภายในตัวเดียว
ข้อดี
– ราคาถูก คุณภาพสูง
– มีบริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม
– รองรับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย
– ใช้ Android 10.0
ข้อเสีย
–
7. GMM-Z X-TREAM

แบรนด์: GMM-Z X-TREAM
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: LAN, Wi-Fi 2.4/5 GHz
Ram: 2 GB
Storage: 8 GB
Widevine DRM: L3
Android: 7.1.2
UHD 4K: มี
ราคา: 3,390 บาท
GMM-Z X-TREAM ถือเป็น Android Box ที่มีความน่าสนใจเลยทีเดียว เนื่องจากมีการทำงาน 2 ระบบด้วยกัน นั่นก็คือ Android เป็นตัวรับสัญญาณทีวีดาวเทียมและดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น C Band หรือ KU Band ที่มีมากกว่า 200 ช่องให้เลือกรับชมอย่างอัดแน่นจุใจ อีกทั้งยังรองรับความละเอียดภาพ ตั้งแต่ SD ไปจนถึง UHD 4K 60fps ที่สำคัญก็คือ มีความพิเศษตรงที่ทุกท่านสามารถค้นหาคลิปวิดีโอ เป็นภาษาไทยบน YouTube ได้แล้วนั่นเอง นอกจากนี้ทุกท่านยังสามารถติดตั้งแอปพลิเคชันต่าง ๆ ภายในเครื่อง GMM GRAMMY ได้อย่างมากมายตามต้องการเลยทีเดียว
ข้อดี
– มีระบบการทำงาน 2 ระบบ
– รองรับความละเอียดภาพได้หลากหลาย
– ค้นหาวิดีโอต่าง ๆ บน YouTube เป็นภาษาไทยได้
– ติดตั้งแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ
ข้อเสีย
–
8. YIFAN Group TX6

แบรนด์: YIFAN Group TX6
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: LAN, Wi-Fi 2.4/5 GHz
Ram: 4 GB
Storage: 32 GB
Widevine DRM: L3
Android: 9.0
UHD 4K: มี
ราคา: 1,490 บาท
YIFAN Group TX6 Android Box ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการ ในเรื่องของความรวดเร็วได้เป็นอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากมาพร้อมกับ RAM ขนาด 4 GB และ CPU 4 แบบ Quad-Core ที่ช่วยให้ทุกท่านสามารถเข้าแอปพลิเคชัน หรือเลือกเมนูต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว ในส่วนของพื้นที่การจัดเก็บก็มาในปริมาณที่มากถึง 32 GB ที่สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างจุใจ โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้ SD Card แต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีพอร์ตการเชื่อมต่อที่ค่อนข้างหลากหลาย โดยเฉพาะพอร์ตสัญญาณเสียง SPDIF และ USB-A 3.0 ที่ค่อนข้างเจอได้ยากใน Android Box ทั่ว ๆ ไป
ข้อดี
– มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่
– มี RAM ที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว
– มีพอร์ตเชื่อมต่อที่หลากหลาย
ข้อเสีย
–
9. Himedia A5

แบรนด์: Himedia A5
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: LAN, Wi-Fi 2.4/5 GHz
Ram: 2 GB
Storage: 16 GB
Widevine DRM: L3
Android: 6.0
UHD 4K: มี
ราคา: 2,990 บาท
Himedia A5 Android ที่มาพร้อมกับ RAM ขนาด 2 GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสูงสุด 16 GB และมีความพิเศษตรงที่รองรับพอร์ต AV ที่สามารถใช้งานกับโทรทัศน์แอนะล็อกได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังมีสาย LAN ที่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตบ้านได้โดยตรง รวมถึงสามารถเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ระบบ Dual Band ได้อีกด้วย ที่สำคัญก็คือ มีเสารับสัญญาณ Wi-Fi โดยเฉพาะ ที่มีส่วนช่วยให้ทุกท่านสามารถเชื่อมต่อสัญญาณได้อย่างดี ไม่มีหลุดอย่างแน่นอน อีกทั้งยังสามารถรับชมภาพยนตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีการรองรับมาตรฐานวิดีโอระดับ HDR10 ที่มีความคมชัดระดับ UHD 4K 60fps ที่มีคุณสมบัติในการช่วยเก็บแสงและเงาได้เป็นอย่างดี
ข้อดี
– สามารถเชื่อมต่อสัญญาณต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย
– ช่วยให้รับชมสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างคมชัด
– มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลค่อนข้างเยอะ
– มีเสารับสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ช่วยให้เชื่อมต่อได้อย่างง่ายดาย ไม่มีสะดุด
ข้อเสีย
–
10. MV Hub MVBox

แบรนด์: MV Hub MVBox
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: Wi-Fi 2.4/5 GHz
Ram: 2 GB
Storage: 8 GB
Widevine DRM: L3
Android: 7.1
UHD 4K: ไม่มี
ราคา: 2,990 บาท
MV Hub MVBox ถือเป็นหนึ่งใน Android Box ที่สามารถตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบซีรีส์ และภาพยนตร์ของประเทศจีน และประเทศฮ่องกงย้อนยุคเป็นอย่างมาก เนื่องจากภายในกล่องทีวี ก็บรรจุซีรีส์มามากถึง 75 เรื่อง และภาพยนตร์ย้อนยุคกว่า 80 เรื่อง และที่สำคัญก็คือ ยังมีสารคดีต่าง ๆ การแสดงงิ้วแต้จิ๋ว รวมถึงรายการอีกมากมาย ที่ถูกลิขสิทธิ์ สามารถรับชมได้อย่างสบายใจ อีกทั้งในส่วนของการใช้งาน ก็ค่อนข้างสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น รีโมตคอนโทรล และเมนูที่เป็นภาษาไทยทั้งหมด ในส่วนความคมชัดของภาพก็อยู่ที่ระดับ Full HD 1080i
ข้อดี
– เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบซีรีส์ และภาพยนตร์เป็นอย่างยิ่ง
– ใช้งานได้ค่อนข้างง่าย และสะดวกสบายเป็นอย่างมาก
– มีเมนูที่เป็นภาษาไทยทั้งหมด
ข้อเสีย
– ไม่รองรับความคมชัดระดับ UHD 4K
Android Box ทั้ง 10 อันดับที่ทางเราได้ทำการบอกต่อไปเมื่อสักครู่นั้น ล้วนแล้วแต่มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง มีทั้งรุ่นที่สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล และรุ่นที่มีขนาดเล็ก กะทัดรัด สามารถพกพาได้อย่างสะดวกสบาย หรือบางรุ่นที่ก็ไม่ไว้ใช้สำหรับทำงานด้านใดด้านหนึ่งเพียงเท่านั้น และสำหรับท่านใดที่มี Smart TV ติดบ้านไว้อยู่แล้ว และส่วนใหญ่ก็ใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพียงแค่ไม่กี่แอปพลิเคชันเท่านั้น การตัดสินใจซื้อกล่องทีวีที่ได้กล่าวไปข้างต้น จึงไม่จำเป็นเท่าไหร่นัก เนื่องจากอาจจะใช้งานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพนั่นเอง แต่ถ้าหากโทรทัศน์ที่บ้านเป็นเพียงโทรทัศน์แอนะล็อก การตัดสินใจเลือกซื้อ ก็จะถือว่ามีความคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง