ปัจจุบันเครื่องปั่นถือเป็นอุปกรณ์ยอดนิยมมากสำหรับคนรักสุขภาพ เนื่องจากเทรนรักสุขภาพกำลังมาแรงในยุคนี้ ที่นิยมเพราะเครื่องปั่นสามารถปั่นน้ำผลไม้หรือน้ำผักดื่มเองได้อย่างง่ายดายไม่ต้องยุ่งยาก ผู้หญิงคนเดียวก็สามารถทำเองได้ง่าย ๆ วันนี้เราจะมาสรุปข้อมูลของเครื่องปั่นและการเลือกซื้อว่าควรเลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับความต้องการ และสุดท้ายสรุป 10 อันดับยอดนิยมมาเพื่อให้คุณได้นำข้อมูลไปพิจารณา
เครื่องปั่นคือเครื่องใช้ในครัวเรือนเพื่อสำหรับปั่นอาหารหรือผลไม้ให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้งาน เพิ่มความสะดวกสบายในการทำอาหารไม่ว่าจะเป็นปั่นรวมวัตถุดิบให้เข้ากัน ปั่นน้ำผลไม้หรือแม้กระทั่งปั่นอาหารให้เด็กเล็กกินได้อีกด้วย เครื่องปั่นมีหลากหลายรูปแบบและการใช้งานที่มากมายหลายอย่างมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น เครื่องปั่นผลไม้ เครื่องปั่นอาหารหรือเครื่องปั่นสมูทตี้ และแต่ละประเภทก็มีฟังก์ชันและการทำงานที่แตกต่างกันไป
หัวข้อสำคัญการเลือกซื้อเครื่องปั่น
1. ราคา – หัวข้อแรกที่สำคัญที่สุดในการเลือกซื้อของใช้สักอย่าง เพราะควรที่จะกำหนดราคาที่เราสามารถจะจ่ายได้ เพราะราคาจะเป็นตัวกำหนดปัจจัยหลาย ๆ อย่างในการเลือกซื้อ
2. ความจุ – ต่อมาคือเรื่องของความจุเครื่องปั่นที่สำคัญไม่แพ้กันเลย เพราะการใช้งานแต่ละครั้งเราสามารถที่จะใส่วัตถุดิบได้เยอะขนาดไหน หากความจุน้อยใส่อาหารได้ไม่มาก ก็อาจจะต้องปั่นอาหารหลาย ๆ รอบ ทำให้เสียเวลาและเสียแรงในการทำอาหารแต่ละครั้ง
3. ขนาด – เมื่อเรารู้ความจุแล้วต่อไปก็คือเรื่องของขนาดเพราะถ้าเลือกรุ่นที่มีความจุมากก็อาจจะทำให้เครื่องปั่นมีขนาดที่ใหญ่ ดังนั้นก็จะต้องมาจัดสรรพื้นที่การใช้งาน เพราะบางท่านอยู่หอพักหรือคอนโดก็อาจจะไม่มีพื้นที่มากนัก
4. กำลังไฟ – กำลังไฟก็เป็นอีกหนึ่งความสำคัญ เพราะกำลังไฟจะมีผลกับเรื่องของความเร็วในการหมุนใบมีดของเครื่องปั่น เครื่องที่มีกำลังไฟสูงจะทำให้สามารถปั่นอาหารได้อย่างละเอียดมากขึ้น หรือบางคนไม่ชอบแบบละเอียดก็เลือกเครื่องที่มีกำลังไฟที่ไม่มาก
5. รูปทรงของใบมีด – ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างเลยในการเลือกซื้อเครื่องปั่น เพราะรูปทรงของใบมีดที่ต่างกันก็จะส่งผลในการปั่นที่แตกต่างกัน และสิ่งที่สำคัญเลยควรเลือกเครื่องปั่นที่สามารถถอดใบมีดออกจากตัวเครื่องได้ เพื่อความสะดวกสบายในการล้างทำความสะอาด
6. โถปั่น – ควรเลือกโถที่มีวัสดุอย่างดี อย่างเช่น วัสดุโถแก้วที่มีคุณสมบัติทนความร้อนได้ดี สามารถล้างทำความสะอาดง่าย แต่โถแก้วก็มีข้อเสียคือน้ำหนักที่มากและอาจจะทำพลาดตกแตกได้ ส่วนโถพลาสติกก็จะไม่อันตรายจากการตก มีน้ำหนักเบา แต่ข้อเสียคือทนความร้อนได้ไม่มาก
7. ฟังก์ชันและอุปกรณ์เสริม – สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดกับเรื่องของฟังก์ชันกับอุปกรณ์เสริม เครื่องปั่นที่มีการปรับควบคุมความเร็วได้ตามความต้องการและมีอุปกรณ์แถมมาให้เยอะ คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป
8. ประกัน – ควรเลือกแบรนด์ที่มีการรับประกันและการบริการหลังการขายที่ดี เพราะถ้าหากอุปกรณ์เสียหายจะได้มั่นใจว่าไม่ต้องซ่อมเองหรือต้องซื้อใหม่
การทำความสะอาดเครื่องปั่น
1. ลำดับแรกต้องถอดโถออกจากเครื่องปั่น และหากเครื่องปั่นรุ่นไหนที่สามารถถอดใบมีดออกได้ก็ยิ่งเพิ่มความสะอาดต่อการใช้งานเพราะจะไม่ต้องกังวลเรื่องมีเศษอาหารติดใบมีด ข้อควรระวังอีกอย่างคือตัวเครื่องปั่นบางรุ่นไม่สามารถล้างน้ำได้ เพราะจะทำให้น้ำเข้าเครื่องและเป็นอันตรายได้
2. ใช้น้ำเปล่าล้างโถชำระเศษอาหารออก ส่วนตัวเครื่องปั่นสำหรับรุ่นที่ไม่สามารถล้างน้ำได้ ให้นำผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดกับตัวเครื่อง
3. ต่อไปเทน้ำยาล้างจานลงใส่โถ ใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดในการขัด บางรุ่นมีแถมแปรงสำหรับทำความสะอาดโถมา ก็จะช่วยให้ทำความสะอาดได้อย่างสะดวกสบาย
4. ล้างน้ำเปล่าและใช้ผ้าเช็ดโถให้สะอาดและนำไปผึ่งลมให้แห้งลดการอับชื้นของภาชนะ
สรุปการเลือกซื้อก็ขึ้นอยู่กับความชอบและการใช้งานของแต่ละคน ต่อไปเราจะมาสรุปเครื่องปั่น 10 รุ่นจากแบรนด์ยอดนิยมในปัจจุบันเพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณา
รายการ 10 อันดับ เครื่องปั่นยี่ห้อไหนดี
1. PHILIPS รุ่น HR2225/00

น้ำหนัก 2.4 กิโลกรัม
ความจุ 2 ลิตร
กำลังไฟ 800 วัตต์
ขนาด 32 x 49 x 38 เซนติเมตร
ราคา 2,290 บาท
เริ่มกันที่แบรนด์ดังอย่าง PHILIPS รุ่น HR2225/00 มีรูปลักษณ์ที่ดูเรียบง่ายสวยงาม ราคาที่กำลังพอดีไม่แพงจนเกินไป มาพร้อมกับกำลังมอเตอร์ที่สูงถึง 800 วัตต์ ที่ทรงพลังแต่ประหยัดพลังงาน ปุ่มปรับความเร็วเป็นแบบหมุนบิดใช้งานง่ายปรับระดับได้ 3 ระดับ สามารถปั่นน้ำแข็งให้เป็นสมูทตี้ได้เร็วกว่าเดิมถึง 2 เท่า ใบมีด 4 แฉก สามารถถอดล้างได้เพิ่มความสะดวกสบาย โถปั่นขนาด 2 ลิตร มีขนาดใหญ่สามารถใส่อาหารได้อย่างจุใจ และออกแบบโถแบบมีร่องช่วยให้เวลาปั่นทำให้ส่วนผสมหมุนเวียนให้เข้ากันได้ดี มีอุปกรณ์เสริมที่หลากหลาย เช่น โถปั่น โถบดสับ ตัวกรองแยกกาก และโถบดเนื้อ ตัวสินค้ามีการรับประกัน 2 ปี
ข้อดี
– ราคาถูก
– มีเทคโนโลยี Problend Crush เพื่อเพิ่มการปั่นกระแทกให้มากกว่าปกติ
– ทำจากวัสดุดันลื่นจึงควบคุมได้อย่างแม่นยำแม้แต่ตอนที่มือเลอะ
ข้อเสีย
–
2. PHILIPS รุ่น HR2118

น้ำหนัก 2 กิโลกรัม
ความจุ 1.5 ลิตร
กำลังไฟ 600 วัตต์
ขนาด 35.5 x 23.5 x 37.5 เซนติเมตร
ราคา 1,288 บาท
ต่อเนื่องกันกับ PHILIPS กับรุ่น HR2118 ที่ราคานับว่าถูกมากเมื่อเทียบกับฟังก์ชันที่จะได้รับ มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเรียบง่ายสวยงาม มากับกำลังไฟ 600 วัตต์ ที่ให้กำลังสูงในการปั่น ปุ่มปรับระดับเป็นแบบนุ่มกดใช้งานง่ายมีการออกแบบพิเศษกันน้ำเข้า ปรับความเร็วได้ 5 ระดับ ใบมีดเป็นแบบ 4 แฉกแบบฟันปลา ปั่นอาหารได้ละเอียด สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้เพิ่มความสะดวกสบายต่อการใช้งาน โถทำจากพลาสติกคุณภาพสูงทนต่อการกระแทกสูง มีอุปกรณ์เสริมคือ โถบดอเนกประสงค์ ที่กรองแยกกากและเมล็ด เครื่องบดสับ สินค้ามีการรับประกัน 2 ปี
ข้อดี
– มีปุ่ม Quick Clean สามารถทำความสะอาดโถและใบมีดได้เพียงแค่ปุ่มเดียว
– โถพลาสติกทนต่อการกระแทก
ข้อเสีย
– เนื่องจากโถเป็นพลาสติกอาจจะทำอาหารที่เป็นความร้อนมาก ๆ ไม่ได้
3. PHILIPS รุ่น HR2088

น้ำหนัก –
ความจุ 2 ลิตร
กำลังไฟ 1,200 วัตต์
ขนาด 35 x 43 x 28.5 เซนติเมตร
ราคา 6,990 บาท
ต่ออีกกันสักหนึ่งรุ่นกับแบรนด์ PHILIPS รุ่น HR2088 มากับขนาดที่พอดี วัสดุคุณภาพดูดีและทนทาน มีโปรแกรมควบคุมการปั่นที่สามารถตั้งได้ถึง 8 แบบ เช่น โจ๊กเพื่อสุขภาพ น้ำนมข้าวโพด น้ำแข็งบด ซุป น้ำผลไม้ ฯลฯ และปรับระดับความเร็ว 10 ระดับ พร้อมฟังก์ชันทำอาหารร้อนและเย็น รองรับอุณหภูมิร้อนถึง 100 องศา หน้าจอควบคุมเป็นแบบระบบสัมผัสแบบดิจิตอลใช้งานง่าย มีอุปกรณ์เสริม เช่น ฝาแปรงสำหรับทำความสะอาด ถ้วยตวง ใบมีดเป็นแบบฟันเลื่อยพิเศษทำให้การปั่นเนียนและละเอียดยิ่งขึ้น มีจุดเด่นคือระบบหยุดการทำงานหากใส่ฝาผิดหรือฝาไม่ปิดสนิทป้องกันอันตรายจากการใช้งาน ตัวโถทำจากแก้วคุณภาพดีมีขีดแสดงระดับน้ำ มีที่จับกระชับถนัดมือ สินค้ามีการรับประกัน 2 ปี
ข้อดี
– มีฟังก์ชันการทำงานถึง 8 แบบ
– มีระบบหยุดหมุนอัตโนมัติหากใส่ฝาผิดหรือฝาปิดไม่สนิท
ข้อเสีย
–
4. LE CUISSON รุ่น LE45-611

น้ำหนัก 1 กิโลกรัม
ความจุ 1.5 ลิตร
กำลังไฟ 300 วัตต์
ขนาด 19.5 x 15.5 x 35.5 เซนติเมตร
ราคา 645 บาท
ต่อกับแบรนด์ที่นิยมอีกรุ่นหนึ่ง LE CUISSON รุ่น LE45-611 เครื่องปั่นอเนกประสงค์ 2 in 1 รูปลักษณ์ภายนอกดูเรียบง่ายสวยงาม มาพร้อมกับขนาดที่เล็กและน้ำหนักเบาสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก กำลังไฟ 300 วัตต์ สามารถปั่นอาหารได้ทั่วไปแต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับการปั่นแบบละเอียดและการปั่นอาหารที่ต้องใช้แรงปั่นเยอะ มีปุ่มปรับระดับแบบกดใช้งานง่ายด้วยฟังก์ชัน one-touch power button เพียงแค่ปลายนิ้ว สามารถปรับระดับได้ถึง 4 ระดับ พิเศษคือมีระบบล็อกเพื่อความปลอดภัย ตัวโถและเครื่องปั่นผลิตจากวัสดุคุณภาพดีแข็งแรงทนทานต่อการปั่น แถมโถปั่นขนาดเล็กมาเพื่อใช้งานสำหรับปั่นพริกหรือวัตถุดิบในการทำอาหาร ฟังก์ชันเยอะแถมตัวเครื่องมีราคาถูกมาก
ข้อดี
– ขนาดเล็กและน้ำหนักเบา
– ราคาถูก
ข้อเสีย
– กำลังไฟน้อยอาจจะไม่เหมาะกับการปั่นละเอียด
5. ELECTROLUX รุ่น EBR3416

น้ำหนัก 1.8 กิโลกรัม
ความจุ 1.5 ลิตร
กำลังไฟ 400 วัตต์
ขนาด 18 x 18 x 36 เซนติเมตร
ราคา 1,390 บาท
ELECTROLUX รุ่น EBR3416 มาพร้อมกับขนาดกะทัดรัดน้ำหนักเบา รูปลักษณ์ภายนอกดูดีสีสวยพาสเทลสีฟ้าน่าใช้งาน ตัวเครื่องปั่นปรับความเร็วได้ 3 ระดับ และใบมีด 4 แฉก ทำมาจากสเตนเลสคุณภาพดีไม่เป็นสนิม โถปั่นทำจากพลาสติกที่ปราศจากสารก่อมะเร็ง เพิ่มความมั่นใจกับคนที่ชอบใช้โถพลาสติก มีอุปกรณ์เสริมคือใบพายและถ้วยตวงสำหรับทำอาหาร สามารถถอดตัวเครื่องออกทำความสะอาดได้ง่าย ตัวเครื่องมีระบบป้องกันน้ำไหลเข้ามอเตอร์และมีระบบป้องกันความปลอดภัยที่ระบบใบมีดจะไม่ทำงานหากไม่ได้วางโถลง ตัวสินค้ามีการรับประกัน 2 ปี
ข้อดี
– ดีไซน์ดูสวยงาม
– โถปั่นทำจากพลาสติกปราศจากสารก่อมะเร็ง
ข้อเสีย
– กำลังไฟน้อยอาจจะไม่เหมาะกับการปั่นละเอียด
6. ELECTROLUX รุ่น E9TB1-90PP

น้ำหนัก 4.4 กิโลกรัม
ความจุ 1.5 ลิตร
กำลังไฟ 1,600 วัตต์
ขนาด 19 x 25.1 x 42.6 เซนติเมตร
ราคา 10,990 บาท
เครื่องปั่นคุณภาพจากแบรนด์ ELECTROLUX รุ่น E9TB1-90PP มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูหรูหราทันสมัย ที่ดูแล้วสามารถเป็นของตกแต่งบ้านได้ด้วยเลย มาพร้อมกับกำลังไฟถึง 1,600 วัตต์ ที่สามารถปั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีโปรแกรมปั่นอัตโนมัติผ่านแอปพลิเคชันที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และระบบ Intelligent Speed Control ที่ใบมีดจะหมุนด้วยอัตราความเร็วที่เท่ากันและสม่ำเสมอ ใบมีดที่ทำจากไทเทเนียมคุณภาพสูงรักษาความคมได้ยาวนาน มีความแข็งแรงสูงสามารถปั่นอาหารแข็ง ๆ ได้สบาย และออกแบบใบมีดมาอย่างดีด้วยการเอียงขึ้น 10 องศา ทำให้ปั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ แผงควบคุมเป็นแบบระบบสัมผัส มองเห็นการตั้งค่าได้ชัดเจนใช้งานง่าย ปรับความเร็วได้ถึง 5 ระดับ และหากแผงควบคุมเลอะก็สามารถเช็ดทำทำความสะอาดได้ง่าย ๆ ด้วยการนำผ้าชุบน้ำมาเช็ด โถผลิตจากพลาสติกปลอดสารก่อมะเร็งได้มาตรฐาน สินค้ามีราคาสูงแต่เทียบกับฟังก์ชันและวัสดุที่ดีก็ถือว่าคุ้มค่ามาก สินค้ามีการรับประกัน 2 ปี
ข้อดี
– ดีไซน์ภายนอกดูหรูหราน่าใช้งาน
– กำลังไฟเยอะ เหมาะกับการปั่นละเอียด
ข้อเสีย
– มีน้ำหนักเยอะ พกพาลำบาก
7. TEFAL รุ่น BL967B66

น้ำหนัก 7.3 กิโลกรัม
ความจุ 2 ลิตร
กำลังไฟ 1,300 วัตต์
ขนาด 23 x 21 x 48.5 เซนติเมตร
ราคา 5,490 บาท
ต่อเนื่องกับแบรนด์ยอดนิยมที่น่าจะได้ยินชื่อกันบ่อย ๆ อย่าง TEFAL รุ่น BL967B66 มาด้วยกับรูปลักษณ์ที่ดูสวยงามทันสมัย มีกำลังไฟถึง 1,300 วัตต์ พร้อมความเร็วหมุนของมอเตอร์ที่ 35,000 รอบต่อนาที แผงควบคุมการทำงานเป็นแบบดิจิทัลระบบสัมผัสใช้งานสะดวกสบาย สามารถปรับความเร็วได้มากถึง 6 ระดับ และเลือกจังหวะในการปั่นได้ มีโปรแกรมอัตโนมัติ 10 แบบ 4 เมนูร้อน 4 เมนูเย็น ที่ทำให้การทำอาหารนั้นกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย และอีก 2 เมนูทำความสะอาดเพิ่มความสะดวกสบายในการล้างโถปั่น ใบมีดเป็นแบบ Powelix Blade 6 แฉก ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปั่นได้ถึง 30 % โถปั่นเป็นแก้วทนความร้อนได้ถึง 100 องศาเซลเซียส มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เครื่องจะไม่ทำงานเมื่อโถปั่นและฝาปิดไม่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง มีอุปกรณ์เสริมคือก้านคนถ้วยตวง ถ้วยตวงและแปรงทำความสะอาด สินค้ารับประกัน 2 ปี
ข้อดี
– แผงควบคุมระบบสัมผัสใช้งานง่าย
– ใบมีดแบบ Powelix Blade แบบ 6 แฉก ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง
ข้อเสีย
– มีน้ำหนักเยอะ พกพาลำบาก
8. OZEN รุ่น HAF-HB300RE

น้ำหนัก 3.4 กิโลกรัม
ความจุ 1.5 ลิตร
กำลังไฟ 960 วัตต์
ขนาด 20 x 22 x 44.8 เซนติเมตร
ราคา 14,900 บาท
เครื่องปั่นที่ไม่ค่อยได้เห็นชื่อกันสักเท่าไรกับแบรนด์จากประเทศเกาหลีอย่าง OZEN รุ่น HAF-HB300RE มาพร้อมกับรูปทรงภายนอกที่ดูล้ำสมัยน่าใช้งาน มีความพิเศษที่เป็นเครื่องปั่นแบบสุญญากาศ ที่ปกติเครื่องปั่นแบบทั่วไปที่เวลาปั่นจะทำให้เกิดการสูญเสียวิตามินจากการปั่น เพราะการปั่นแบบทั่วไปจะเกิดปฏิกิริยา Oxidation คือปฏิกิริยาที่เกิดฟองอากาศเข้าไปผสมกับอาหารจากการปั่น แต่รุ่นนี้จะมาลบจุดด้อยนั้นออกไป ที่ช่วยคงความสดใหม่และคงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารได้มากกว่าเครื่องปั่นแบบทั่วไป มีแก้วเก็บอาหารแบบสุญญากาศ แถมมาเพื่อความสะดวกในการเก็บอาหารที่ต้องการคงคุณค่าของสารอาหารไว้ได้นาน ๆ ตอบโจทย์สำหรับคนรักสุขภาพได้เป็นอย่างดี โถปั่นทำจากโพลีคาร์บอเนตคุณภาพดีสามารถถอดแยกทำความสะอาดได้ง่ายดาย ข้อเสียคือมีราคาสูงมากแต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้ก็นับคุ้มค่ากับราคามาก สินค้ามีการรับประกัน 1 ปี
ข้อดี
– รูปทรงล้ำสมัย ดูน่าใช้งาน
– เครื่องปั่นแบบสุญญากาศ ทำให้อาหารไม่สูญเสียวิตามิน
ข้อเสีย
-ราคาแพง
9. OTTO รุ่น BE-127A

น้ำหนัก 4.2 กิโลกรัม
ความจุ 1.5 ลิตร
กำลังไฟ 1,200 วัตต์
ขนาด 40 x 23 x 31 เซนติเมตร
ราคา 1,990 บาท
อีกหนึ่งแบรนด์ที่ผลิตเครื่องครัวที่มีคุณภาพมาหลายตัวอย่าง OTTO รุ่น BE-127A มาพร้อมกับราคาที่ไม่แพงมาก ดีไซน์ภายนอกดูเรียบง่ายสวยงาม มีสองสีให้เลือกคือสีแดงและสีขาว กำลังไฟ 1,200 วัตต์ สามารถปั่นอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถปั่นได้ทั้งอาหารเปียกและปั่นแบบแห้ง ใบมีดทำจากสเตนเลสคุณภาพดีมี 6 แฉก ทนทานและไม่ขึ้นสนิม ปุ่มควบคุมเป็นแบบหมุนและกดใช้งานง่ายและมีสัญลักษณ์บอกชัดเจน มีปุ่ม Pulse ที่เน้นย้ำเป็นจังหวะและปุ่ม MAXPOWER สำหรับคนที่ต้องการกำลังการปั่นที่สูงสุด ใบพัดสามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ โถปั่นทำมาจากพลาสติก ABS ที่มีความแข็งแรงไม่แตกง่าย ด้านข้างจะมีเส้นบอกปริมาณของอาหารด้วย สะดวกสบายโดยที่ไม่ต้องถอดออกมาตวงข้างนอก ประหยัดเวลาไปได้เยอะ มีระบบตัดไฟอัตโนมัติกันมอเตอร์ไหม้ Circuit Breaker ในกรณีที่ตัวมอเตอร์ปั่นเกิดความร้อนที่สูงเกินปกติ และมีระบบเซนเซอร์ที่เครื่องไม่ทำงานหากวางโถไม่ถูกจุด ขาตั้งสามารถยึดเกาะติดกับพื้นได้ดี ตัวสินค้ามีการรับประกัน 1 ปี
ข้อดี
– โถปั่นทำจาก ABS แข็งแรงทนทาน
– มีปุ่ม Pulse ที่จะเน้นย้ำการปั่นเป็นแบบจังหวะ ช่วยให้อาหารที่ปั่นละเอียดและทั่วถึง
ข้อเสีย
–
10. PHILIPS รุ่น HR3663/90

น้ำหนัก 4.1 กิโลกรัม
ความจุ 2.2 ลิตร
กำลังไฟ 1,400 วัตต์
ขนาด 21 x 31 x 43.5 เซนติเมตร
ราคา 8,490 บาท
สุดท้ายกับแบรนด์ยอดนิยมกับ PHILIPS รุ่น HR3663/90 มาพร้อมกับดีไซน์เรียบง่ายแต่สวยงามล้ำสมัย มีเทคโนโลยีการปั่น Problend 6 3D ที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมในการทำน้ำผลไม้ที่ทำให้การปั่นส่วนผสมได้เนื้อละเอียดน่ากิน มีกำลังไฟ 1,400 วัตต์ พร้อมกับกำลังปั่นที่มากถึง 35,000 รอบต่อนาที ทำให้การปั่นไม่ว่าจะเป็นอาหารที่มีผิวแข็งก็หายห่วงได้เลย ช่วยลดระยะเวลาในการปั่นได้อย่างดี ปุ่มควบคุมดูง่ายสะดวกสบายต่อการใช้งาน มีปุ่มเฉพาะสำหรับการปั่นสมูทตี้ที่จะปั่นอาหารได้เนียนละเอียดน่ากิน โถทำจากวัสดุ Tritan เป็นพลาสติกคุณภาพดี ทนทานต่อการกระแทกทำให้มั่นใจว่าไม่เกิดความเสียหายจากการปั่นอาหารแน่นอน ตัวเครื่องทำจากโลหะคุณภาพดีเช่นกัน แข็งแรงทนทานต่อใช้งานได้ดี ใบมีดสามารถถอดออกเพื่อง่ายต่อการทำความสะอาด สินค้ามีการรับประกัน 2 ปี
ข้อดี
– โถปั่นทำจาก Tritan เป็นพลาสติกคุณภาพดี ทนทานต่อการกระแทก
ข้อเสีย
–
ตารางเปรียบเทียบราคา
PHILIPS รุ่น HR2225/00 | PHILIPS รุ่น HR2118 | PHILIPS รุ่น HR2088 | LE CUISSON รุ่น LE45-611 | ELECTROLUX รุ่น EBR3416 | ELECTROLUX รุ่น E9TB1-90PP | TEFAL รุ่น BL967B66 | OZEN รุ่น HAF-HB300RE | OTTO รุ่น BE-127A | PHILIPS รุ่น HR3663/90 |
2,290 – | 1,288 – | 6,990 – | 645 – | 1,390 – | 10,990 – | 5,490 – | 14,900 – | 1,990 – | 8,490 – |
เมื่อได้ทราบรายละเอียด ความน่าสนใจของเครื่องปั่นแล้ว หลายคนอาจจะเริ่มอยากครอบครองเครื่องปั่นไปไว้ติดบ้านกันแล้ว ซึ่งแน่นอนว่า เครื่องปั่นดี ๆ นั้น สามารถใช้ทำได้ทั้งเมนูเครื่องดื่มและอาหารคาวหวานหลายรูปแบบ เพื่อให้ทุกคนได้ใช้งานเครื่องปั่นกันแบบคุ้ม ๆ เริ่มกันด้วยการกล่าวถึงจุดเด่นของเครื่องปั่นกันก่อน ซึ่งมีฟังก์ชันการใช้งานอาศัยหลักการตีเอาอากาศเข้าไปในเนื้อวัตถุดิบได้ ทำให้เหมาะกับการทำอาหารที่ต้องการความฟูนุ่มในเนื้อสัมผัส โดยนอกจากน้ำผลไม้ปั่น สมูทตี้ หรือซุปครีมที่มีความละมุนนุ่มเนียนจนลิ้นสัมผัสแล้ว และในส่วนของเมนูอาหารหวาน ก็สามารถใช้เครื่องปั่นได้เหมือนกัน เช่น
ใช้ทำส่วนผสมแป้งของเค้ก หรือส่วนผสมของไอศกรีมต่าง ๆ เพื่อให้วัตถุดิบมีรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันได้ง่ายขึ้น ซึ่งถือเป็นไอเดียในการใช้เครื่องปั่นเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ทำอาหารหรือเครื่องดื่มที่คุณชอบได้เลย
จบกันไปกับรายละเอียดเครื่องปั่นและแบรนด์ยอดนิยมในปัจจุบัน ที่รวบรวมฟังก์ชันและการใช้งานต่าง ๆ ของเครื่องปั่นแต่ละรุ่นมาให้พิจารณากัน หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าเครื่องปั่นแบบไหนที่เหมาะกับคุณ ไม่จำเป็นต้องเลือกเครื่องปั่นที่อยู่ในลิสต์นี้ก็ได้ เพราะว่ายังมีเครื่องปั่นอีกหลาย ๆ รุ่น ในตลาดให้เลือกซื้อที่อาจจะเหมาะกับตัวคุณมากกว่านี้ก็เป็นได้