
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สภาพอากาศในปัจจุบันค่อนข้างแย่ลงเป็นอย่างมาก หากทุกท่านจะต้องออกไปเผชิญหน้าเป็นประจำทุกวัน ก็อาจจะทำให้สภาพร่างกายย่ำแย่ตามไปด้วย และสำหรับท่านใดที่คิดว่า การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวถือว่ามีความปลอดภัยมากที่สุด ก็ต้องบอกเลยว่าเป็นความคิดที่ผิดมหันต์เลยทีเดียว เพราะในกรณีที่รถกำลังติดไฟแดงอยู่นั้น จะหมายความว่าทุกท่านกำลังเผชิญหน้ากับค่าฝุ่นที่เกินมาตรฐาน หรือที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ในชื่อว่า “ฝุ่น PM 2.5” นั่นเอง โดยฝุ่นดังกล่าวนี้ ถือเป็นฝุ่นควันพิษที่ทำลายล้างร่างกายของมนุษย์อย่างถึงที่สุดเลยนั่นเอง
แต่ถ้าหากทุกท่านสามารถไม่สามารถหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ดังกล่าวได้ ก็จำเป็นจะต้องมีตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพ นั่นก็คือ “เครื่องฟอกอากาศ” นั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยที่สำคัญในปัจจุบันเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นในวันนี้ทางเราก็มีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่ง ที่จะพาทุก ๆ ท่านไปทำความรู้จักกับ 10 เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ที่จะช่วยให้ทุกท่านหลีกเลี่ยงมลภาวะต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อร่างกายที่ดีในระยะยาวนั่นเอง
10 เครื่องฟอกอากาศ ที่ควรมีติดรถยนต์
1. Philips New GoPure SlimLine 230
10. Xiaomi MiJia Car Air Purifier
1. Philips New GoPure SlimLine 230

แบรนด์: Philips New GoPure SlimLine 230
น้ำหนัก: 800 กรัม
ขนาด: 170 x 100 x 70 มิลลิเมตร
การกรองอนุภาค: CADR ถึง 10 ลบ.ม./ชม.
Philips New GoPure SlimLine 230 ถือเป็นเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ที่มีขนาดกำลังพอเหมาะพอดีเป็นอย่างมาก มีเทคโนโลยีสำหรับการกรองที่มีประสิทธิภาพอย่างถึงที่สุด โดยสามารถกรองอนุภาคละเอียด ที่มีขนาด PM 2.5 ได้อย่างดีเยี่ยม ด้วย Clean Air Delivery Rate (CADR) ถึง 10 ลบ.ม./ชม. ประกอบกับมีสัญญาณที่คอยเตือนสภาพอากาศ ภายในเวลา 13 วินาที และที่สำคัญก็คือ ยังสามารถกำจัดสารเคมีประเภทก๊าซ เพื่อให้อากาศในรถยนต์บริสุทธิ์ อีกทั้งยังให้กลิ่นหอมอ่อน ๆ และให้ความสดชื่น กระจายน้ำหอมได้ทั่วทั้งห้องโดยสาร ที่สำคัญก็คือ มีสายรัดที่ช่วยให้การติดตั้งมีความง่ายมากยิ่งขึ้น ในส่วนของแผ่นกรองอากาศ ก็สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน ถึง 35 ชั่วโมง
ข้อดี
– กรองอนุภาคละเอียด ที่มีขนาด PM 2.5 ด้วย Clean Air Delivery Rate (CADR) ถึง 10 ลบ.ม./ชม.
– สามารถกรองอากาศได้อย่างรวดเร็ว ภายใน 13 วินาที
– มีระบบช่วยระบายกลิ่นหอมทั่วห้องโดยสาร
ข้อเสีย
– แผ่นกรองหาซื้อได้ค่อนข้างยาก
2. Philips GoPure Compact 100

แบรนด์: Philips GoPure Compact 100
น้ำหนัก: 610 กรัม
ขนาด: 176 x 176 x 73 มิลลิเมตร
การกรองอนุภาค: CADR ถึง 14 ลบ.ม./ชม.
Philips GoPure Compact 100 เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่ทว่ามีประสิทธิภาพในการกรองอากาศได้เป็นอย่างดีเยี่ยม โดยสามารถกำจัดอนุภาคละเอียด ที่มีขนาด PM 2.5 ด้วย Clean Air Delivery Rate (CADR) ถึง 14 ลบ.ม./ชม. อีกทั้งยังสามารถกรองควันบุหรี่ได้อีกด้วย ที่สำคัญก็คือ สามารถกำจัดไวรัส และเชื้อแบคทีเรีย ที่มีขนาดใหญ่กว่า 0.3 ไมครอน รวมถึงควันจากท่อไอเสียรถยนต์ และก๊าซพิษที่ลอยอยู่ในอากาศ โดยใช้เวลาเพียงแค่ 13 วินาทีเท่านั้น
ข้อดี
– กรองอนุภาคละเอียด ที่มีขนาด PM 2.5 ด้วย Clean Air Delivery Rate (CADR) ถึง 14 ลบ.ม./ชม.
– กำจัดไวรัส และเชื้อแบคทีเรีย ที่มีขนาดใหญ่กว่า 0.3 ไมครอน
– สามารถกรองอากาศได้อย่างรวดเร็ว ภายใน 13 วินาที
ข้อเสีย
– มีเสียงที่ค่อนข้างดังรบกวน
3. Philips GoPure 5211

แบรนด์: Philips GoPure 5211
น้ำหนัก: 900 กรัม
ขนาด: 180 x 180 x 63 มิลลิเมตร
การกรองอนุภาค: CADR 16 ลบ.ม./ชม
Philips GoPure 5211 มาพร้อมกับเทคโนโลยีกรองอากาศ GoPure 5211 ที่มีคุณสมบัติในการกำจัดมลภาวะต่าง ๆ ได้มากกว่า 100 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น สารฟอร์มาลดีไฮด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ที่ถือเป็นสารที่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย ในส่วนของจุดเด่นของเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์รุ่นนี้ คือ AQI 3 สี ที่สามารถแสดงสภาพอากาศที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งยังสามารถกรองอากาศ Clean Air Delivery Rate: CADR ของ PM2.5 ที่ 16 ลบ.ม./ชม และกรองได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาประมาณ 10 วินาที เพียงเท่านี้รถยนต์ของทุกท่าน ก็จะเต็มเปี่ยมไปด้วยอากาศบริสุทธิ์แล้วนั่นเอง
ข้อดี
– มีประสิทธิภาพในการกรองอากาศได้เป็นอย่างดีเยี่ยม
– สามารถกรองอากาศได้อย่างครอบคลุม อาทิ PM 2.5 ก๊าซ แบคทีเรียและไวรัส
– สามารถกรองอากาศได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาประมาณ 10 วินาที
– มีสถานะไฟ AQI 3 สี ที่แสดงสภาพอากาศที่แตกต่างกัน (ดี/ปานกลาง/แย่)
ข้อเสีย
– เสียงค่อนข้างดัง และมีขนาดเครื่องที่ค่อนข้างใหญ่
4. Sharp IG-GC2B

แบรนด์: Sharp IG-GC2B
น้ำหนัก: 265 กรัม
ขนาด: ทรงกระบอก ขนาด 74 x 162 x 65 มิลลิเมตร
การกรองอนุภาค: อนุภาคไฟฟ้าพลาสมาคลัสเตอร์
Sharp IG-GC2B เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ขนาดเล็กกะทัดรัด มีให้เลือกทั้งหมด 3 สีด้วยกัน คือ สีชมพู สีทอง และสีดำ นอกจากจะมีการออกแบบรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ในส่วนของประสิทธิภาพการทำงาน ก็ถือว่ามีความยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก โดยจะทำการฟอกอากาศด้วยพลังเทอร์โบ (Turbo Mode) และเทคโนโลยีการพ่นอนุภาคไฟฟ้า พลาสมาคลัสเตอร์แบบเข้มข้น 2 เท่า (High Densuty) ที่มีคุณสมบัติในการกำจัดเชื้อรา เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย รวมถึงช่วยกำจัดกลิ่นอับชื้น และเชื้อไวรัสขนาดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ H1N1 ได้อีกด้วย
ในส่วนของการใช้งาน จะใช้การต่อสาย USB บริเวณที่จุดบุหรี่กับอะแดปเตอร์ นอกจากนี้เครื่องจะสามารถปิดเองได้อย่างอัตโนมัติ เมื่อเปิดใช้งานเป็นเวลาครบ 8 ชั่วโมงเต็ม ที่สำคัญก็คือมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มากถึง 17,500 ชั่วโมง โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้ไส้กรองในการกรองอากาศแต่อย่างใด
ข้อดี
– ช่วยกำจัดกลิ่นอับในรถยนต์ และช่วยทำให้รถยนต์มีอากาศที่สดชื่น
– เหมาะสำหรับผู้ใช้รถยนต์ ที่เป็นโรคภูมิแพ้ เนื่องจากมีคุณสมบัติในการช่วยกำจัดสารที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้
– สามารถทำลายเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ H1N1 ได้เป็นอย่างดีเยี่ยม
ข้อเสีย
– ไม่สามารถกรองฝุ่น อนุภาค PM 2.5 ได้
5. CONOCO S1

แบรนด์: CONOCO S1
น้ำหนัก: 600 กรัม
ขนาด: 180 x 170 x 60 มิลลิเมตร
การกรองอนุภาค: CADR ถึง 16 ลบ.ม./ชม.
CONOCO S1 ที่ได้มีการออกแบบรูปลักษณ์ให้มีความทันสมัย ประกอบกับมีฟังก์ชันการทำงานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ไส้กรอง HEPA 3M, CPU อัจฉริยะ, เซนเซอร์ตรวจจับมลพิษอัจฉริยะ จากประเทศญี่ปุ่น และมาพร้อมกับหน้าจอ LED ไฟ 3 สี ที่แสดงสถานะของสภาพอากาศในช่วงเวลานั้น ๆ อาทิ สีฟ้าคืออากาศบริสุทธิ์ สีม่วงอากาศปานกลาง และสีแดงอากาศแย่ ซึ่งในส่วนของการตรวจจับนั้น ค่อนข้างมีความแม่นยำ และครอบคลุมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจำเป็นฟอร์มาดีไฮด์ โทลูอีน กลิ่นบุหรี่ ฝุ่น PM2.5 TVOC ในส่วนของประสิทธิภาพการกรองก็ได้มาตรฐาน CADR ถึง 16 ลบ.ม./ชม.
นอกจากนี้ในส่วนของการติดตั้ง ก็สามารถติดตั้งได้หลากหลายที่ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น คอนโซลหน้ารถ พนักพิงด้านหลัง ที่วางแขน หรือหลังรถ อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้กับห้องนอน และห้องทำงานได้ตามความพึงพอใจอีกด้วย
ข้อดี
– มีรูปแบบที่ทันสมัย น่าใช้ และมีไฟบอกสถานะของสภาพอากาศ
– สามารถตรวจจับได้อย่างครอบคลุม
– สามารถติดตั้งได้อย่างง่ายดาย หลากหลายจุด
– สามารถติดตั้งภายนอกรถยนต์ได้
ข้อเสีย
– ใช้งานด้วยการเสียบสาย USB ไม่สามารถเสียบเข้ากับปลั๊กไฟบ้านได้
6. SMARTHOME AP-170

แบรนด์: SMARTHOME AP-170
น้ำหนัก: 600 กรัม
ขนาด: 17.5 x 17.5 x 7.2 เซนติเมตร
การกรองอนุภาค: ไส้กรอง HEPA และไส้กรองคาร์บอน กำจัดฝุ่นPM2.5
SMARTHOME AP-170 ที่มาพร้อมกับรูปสี่เหลี่ยม สีดำ ที่ทำจากวัสดุพลาสติก มาพร้อมกับประสิทธิภาพการกรองอากาศได้เป็นอย่างดี ด้วยไส้กรอง HEPA พร้อมไส้กรองคาร์บอน ที่มีคุณสมบัติในการช่วยลดกลิ่น เชื้อแบคทีเรีย สารปนเปื้อน และสามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้เป็นอย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังส่งมอบความสดชื่น ช่วยให้ทุกท่านสามารถหายใจได้อย่างเต็มปอด และมีแถบสีฟ้าที่คอยแสงสถานะการทำงานของตัวเครื่องอีกด้วย ในส่วนของอุปกรณ์ที่ให้มาก็จะมี แผ่นกันลื่น สายชาร์จ USB และสายรัดตัวเครื่อง โดยมีการรับประกันเป็นเวลา 1 ปี
ข้อดี
– ใช้ไส้กรอง HEPA พร้อมไส้กรองคาร์บอน
– ช่วยลดกลิ่น แบคทีเรีย และกรองสารปนเปื้อน และฝุ่นละออง PM2.5
– มีแถบไฟที่แสดงสถานะการทำงาน
ข้อเสีย
– ต้องกดเปิดเครื่องใหม่ทุกครั้งที่สตาร์ทรถ
7. AUGIENB Car Air Purifier

แบรนด์: AUGIENB Car Air Purifier
น้ำหนัก: 635 กรัม
ขนาด: รูปทรงกระบอก ขนาด 72 x 180 มิลลิเมตร
การกรองอนุภาค: กรองฝุ่นPM2.5และฝุ่นละอองอื่น ๆ
AUGIENB Car Air Purifier มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างทันสมัย ทำจากอะลูมินัมอัลลอยสาย ที่มีคุณสมบัติในการฟอกอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มีตัวกรองหลายชั้น จึงทำให้ทุกท่านได้รับอากาศที่บริสุทธิ์เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังสามารถกรองฝุ่น PM2.5 และฝุ่นละอองอื่น ๆ ชั้นถ่านกัมมันต์ ที่สามารถย่อยสลาย และดูดซับแอมโมเนียฟอร์มาลดีไฮด์โทลูอีน และยังสามารถสกัดกั้นเกสร และอนุภาคอื่น ๆ อีกทั้งยังสามารถดูดซับกลิ่นได้อีกด้วย นอกจากนี้เซนเซอร์อัจฉริยะยังสามารถตรวจจับอนุภาค และตรวจสอบคุณภาพอากาศในรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดี
– มีรูปแบบที่ค่อนข้างทันสมัย ทำอะลูมินัมอัลลอยสาย ที่ป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี
– ได้อากาศบริสุทธิ์เนื่องจากมีชั้นกรองหลายชั้น
– สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 และฝุ่นละอองอื่น ๆ ได้
ข้อเสีย
– ไม่มีการรับประกันสินค้า
8. AutoBot Fresh

แบรนด์: AutoBot Fresh
น้ำหนัก: 430 กรัม
ขนาด: 12 x 12 x 34 เซนติเมตร
การกรองอนุภาค: ไส้กรอง HEPA และไส้กรองคาร์บอน กำจัดฝุ่นPM2.5 และกลิ่นต่างๆ
AutoBot Fresh เครื่องกรองอากาศที่สามารถใช้ได้ทั้งในรถยนต์ และในบ้าน แบบ 2in1 มีรูปทรงสวยงาม และทันสมัยเป็นอย่างมาก จัดวางไว้ส่วนไหนก็ดูดีมีระดับ ใช้วัสดุ ABS, Aluminum Alloy และหนัง มีคุณสมบัติในการกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยไส้กรอง HEPA ถ่านกัมมันต์ที่สกัดจากกะลามะพร้าว ช่วยในการกำจัดฝุ่นละออง PM 2.5 กลิ่นบุหรี่ และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ อีกทั้งนังสามารถฟอกอากาศในรถยนต์ได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียงแค่ 3 นาที ไม่มีเสียงรบกวน โดยทำงานด้วยระดับเสียงเพียง 35 dB มีฟังก์ชันไฟ LED ที่แสดงสถานะของอากาศในช่วงเวลานั้น ๆ อีกด้วย
ข้อดี
– รูปทรงสวยงามทันสมัย ทำด้วยวัสดุ ABS, Aluminum Alloy และ หนัง
– ใช้ไส้กรอง HEPA ถ่านกัมมันต์ที่สกัดจากกะลามะพร้าว
– ขจัดฝุ่น กลิ่นบุหรี่ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสีย
– ต้องคอยเติมน้ำบ่อย ๆ
9. FIGO 4 Car Home Office

แบรนด์: FIGO 4 Car Home Office
น้ำหนัก: –
ขนาด: 15.4 x 6.5 เซนติเมตร
การกรองอนุภาค: กรองฝุ่นPM2.5 และกลิ่นไม่พึงประสงค์
FIGO 4 Car Home Office เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ และในบ้าน ขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา ทำจากวัสดุ ABS และ Aluminum มีสีสันที่สดใสสวยงาม น่าใช้เป็นอย่างมาก มีคุณสมบัติในการกรองฝุ่นละออง PM 2.5 ได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังมาพร้อมกับไส้กรองที่มีคุณสมบัติในการช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ อาทิ ควันบุหรี่ กลิ่นอับชื้น และกลิ่นอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนของการทำงานจะทำงานด้วยเทคโนโลยี auto – ionizers ที่มีคุณสมบัติในการลดสารที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ มลพิษ ไรฝุ่น และควันต่าง ๆ ใช้เสียงในการทำงานเพียง 27 เดซิเบล ทำให้มีความเงียบ ปราศจากเสียงรบกวน ประกอบกับช่องเสียบ USB จำนวน 2 ช่อง ที่สามารถชาร์ต Power bank, Tablet และ iPad ได้อีกด้วย
ข้อดี
– สามารถใช้ได้ทั้งในบ้าน และในรถยนต์ได้ตามความต้องการ
– มีรูปทรงที่สวยงาม ทันต่อยุคสมัย สีสันสวยงาม
– ทำงานด้วยเทคโนโลยี auto – ionizers
– ไม่มีเสียงดังรบกวน
ข้อเสีย
–
10. Xiaomi MiJia Car Air Purifier

แบรนด์: Xiaomi MiJia Car Air Purifier
น้ำหนัก: –
ขนาด: 12 x 12 x 38 เซนติเมตร
การกรองอนุภาค: กรองฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า PM2.5/PM0.3-0.5 ไมครอน ได้มากถึง 99.99%
Xiaomi MiJia Car Air Purifier สามารถฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียงแค่ 3-7 วินาทีเท่านั้น สามารถดักจับได้ทั้งอนุภาคขนาดเล็กและขนาดใหญ่ อาทิ PM 2.5 ละอองขน ผ้า และก๊าซต่าง ๆ นอกจากนี้ก็ยังมีเทคโนโลยีอัจฉริยะที่สามารถควบคุมการใช้งานผ่านสมาร์ตโฟนได้อีกด้วย ในส่วนของไส้กรอง ก็เป็นแบบ 360 องศา ทำให้สามารถกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดี
– ควบคุมการทำงานผ่านสมาร์ตโฟน แบบเรียลไทม์ ด้วยการเชื่อมต่อ Bluetooth 4.1
– สามารถกรองฝุ่นได้หลายอนุภาค
– กรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสีย
–
อย่างที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่า เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ในปัจจุบัน มีมากมายหลากหลายประเภท ทำให้ทุกท่านตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างยากลำบาก ด้วยคุณสมบัติที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย เพราะฉะนั้นทางเราจึงมีความคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า 10 แบรนด์เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ที่ได้ทำการบอกต่อไปเมื่อข้างต้นนั้น จะสามารถช่วยให้ทุกท่านเลือกซื้อเครื่องฟองอากาศที่ถูกต้องตรงใจ และสามารถกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ทุกท่านมีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงในระยะยาวได้เป็นอย่างดีเยี่ยมเลยนั่นเอง