ทุกวันนี้เทคโนโลยีได้พัฒนาขีดความสามารถในหลายอย่าง และตอบสนองกับความต้องการของผู้คนได้ดี เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และสร้างความเป็นไปได้ที่แตกต่างจากสมัยก่อน อย่างหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่น่ามีใครคาดถึงว่าจะมีการผลิตขึ้นมา เครื่องดูดความชื้นที่เข้ามาตอบโจทย์ของคนไทยได้ดี เพราะอากาศในประเทศไทยที่มีลักษณะเป็นร้อนชื้น ลักษณะอากาศแบบนี้มีโอกาสในการแพร่เชื้อโรคได้สูงกว่า และอันตรายสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ การมีเครื่องดูดความชื้นนี้จะเข้ามามีบทบาทช่วยลดค่าความเสี่ยง และทำให้อากาศมีความสมดุลได้ดียิ่งขึ้น
ยิ่งการนำเครื่องดูดความชื้นนี้เข้าไปใช้ในห้องนอน จะทำให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น รู้สึกสบายตัว หายใจง่าย มีหลายคนที่เคยนอนหลับยาก และรู้สึกหายใจลำบากขณะนอนหลับ ปรากฏว่าเป็นเพราะระดับความชื้นของห้องที่สูงเกิน ไม่แน่ว่าหนึ่งในเหตุผลที่คุณนอนไม่ค่อยหลับ หรือตื่นกลางดึกก็เพราะค่าความชื้นที่ผิดปกติ การมีเครื่องดูดความชื้นสักเครื่องจึงเป็นเรื่องที่ดูน่าสนใจไม่น้อย
10 เครื่องดูดความชื้น
1. DH02 เครื่องดูดความชื้น

ราคา: 8,200 บาท
ขนาด (กว้างxหนาxสูง): 24.5 x 25.5 x 51.5 cm
ความจุ: 2 L
ความดังของเสียง: 38 dB
กำลังไฟ: 265 W
พื้นที่: 30-40 m
ฟังก์ชันพิเศษ: หน้าจอดิจิตอลแบบสัมผัส, สัญญาณเตือนเมื่อน้ำเต็ม, ตั้งเวลาเปิดปิดได้ และตั้งระดับลมได้
เรียกได้ว่าเป็นเครื่องดูดความชื้นที่มีงานออกแบบที่จัดทำได้ค่อนข้างดี ดูล้ำสมัย และดูกลมกลืนเข้ากับบ้านได้ทุกรูปแบบ ความพิเศษของเครื่องดูดความชื้นเครื่องนี้คือความสะดวกสบายในการใช้งานที่มาในลักษณะของหน้าจอแสดงผลเป็นแบบดิจิตอล ที่เพียงแค่ทำการสัมผัสบนหน้าจอก็ใช้งานได้อย่างง่ายดาย หน้าจอดิจิตอลนี้ยังสามารถแสดงข้อมูลของการทำงาน และระดับความชื้นภายในห้องได้อีกด้วย
ความน่าสนใจของเครื่องดูดความชื้นนี้ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะตัวเครื่องมีล้อติดไว้ข้างล่าง ทำให้คุณสามารถที่จะเคลื่อนย้ายไปในสถานที่ต่าง ๆ ได้คล่องตัว ความสามารถของการจัดการความชื้น ไอน้ำ และน้ำค้างของเครื่องดูดความชื้นนี้จัดได้ว่ามีประสิทธิภาพมาก เพราะสามารถที่จะครอบคลุมค่าความชื้นได้กว้างถึง 30 – 40 เมตรกันเลยทีเดียว
ข้อดี
– ครอบคลุมค่าความชื้นได้กว้างถึง 30 – 40 เมตร
– หน้าจอดิจิตอลใช้งานง่าย
ข้อเสีย
–
2. SAMSNUG เครื่องลดความชื้น

ราคา: 3,390 บาท
ขนาด (กว้างxหนาxสูง): ไม่ระบุ
ความจุ: 2.2 L
ความดังของเสียง: ต่ำกว่า 30 dB
กำลังไฟ: 85 W
พื้นที่: 30-50 m
ฟังก์ชันพิเศษ: มีสัญญาณเตือนเมื่อน้ำเต็ม
เครื่องดูดความชื้นที่มีความโดดเด่นเหนือใคร ความสามารถในการดูดความชื้นที่ครอบคลุมขนาดของบ้านได้ถึง 40 เมตร และวิธีการใช้ที่ง่าย ไร้ขั้นตอน เพียงแค่เสียบปลั๊กให้พร้อม ระบบจะทำงานโดยอัตโนมัติเหมาะสำหรับคนที่ต้องการความง่ายในการใช้งานของเครื่องดูดความชื้น อย่างไรก็ดีตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ แต่มีล้อสำหรับการเคลื่อนย้าย ตัวเครื่องสามารถที่จะจุน้ำได้มากถึง 2.2 ลิตรกันเลยทีเดียว ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องน้ำที่จะล้นออกมา ให้เปิดเครื่องพร้อมใช้งานกันได้ยาว ๆ
จุดสังเกตหนึ่งของเครื่องดูดความชื้นนี้คือ ภาษา ภาษาที่ใช้งานของเครื่องเป็นภาษาจีนที่อาจจะทำให้เข้าใจในการใช้งานได้ค่อนข้างยาก แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาในการทำงานของเครื่องดูดความชื้นเครื่องนี้แต่อย่างใด เพราะว่าเพียงแค่ทำการเสียบปลั๊ก เครื่องดูดความชื้นจะทำงาน และวิเคราะห์ค่าความชื้นให้โดยอัตโนมัติ
ข้อดี
– ครอบคลุมขนาดของบ้านได้ถึง 40 เมตร
– สามารถที่จะจุน้ำได้มากถึง 2.2 ลิตร
ข้อเสีย
– ภาษาที่ใช้งานของเครื่องเป็นภาษาจีน ยากต่อการใช้งานในช่วงแรก
3. LUKO LUKOMiNi 50%

ราคา: 5,416 บาท
ขนาด (กว้างxหนาxสูง): 21 x 15.5 x 33.5 cm
ความจุ: 0.6 L
ความดังของเสียง: 30 dB
กำลังไฟ: 70 W
พื้นที่: 5-10 m
ฟังก์ชันพิเศษ: ละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ และสัญญาณเตือนเมื่อน้ำเต็มถัง
เครื่องดูดความชื้นที่มีลักษณะเครื่องที่ใช้งานง่าย และมีน้ำหนักเบากว่ากระดาษ ทั้งหมดนี้เป็นหนึ่งในคำจำกัดความของเครื่องดูดความชื้นเครื่องนี้ อาจจะดูเป็นการโฆษณาที่เกินจริง แต่สำหรับเครื่องดูดความชื้นเครื่องนี้กลับทำได้จริงทั้งหมด ด้วยขนาด และน้ำหนักที่เบามาก ทำให้คุณผู้หญิงสามารถที่จะเคลื่อนย้าย หรือเปลี่ยนสถานที่การจัดวางได้ตามความเหมาะสมได้ด้วยตัวเอง
และยังมาพร้อมกับระบบในการจัดการในตัว ทำให้เวลาทำงานของเครื่องดูดความชื้นรุ่นนี้ไม่มีเสียงรบกวน คุณสามารถที่จะเปิดเครื่องนี้ไว้ และทำกิจกรรมอื่น ๆ ต่อได้โดยที่ไม่รบกวนสมาธิแต่อย่างใด จัดได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับคนที่กำลังมองหาเครื่องดูดความชื้นขนาดไม่ใหญ่มาก และน้ำหนักเบา ด้านงานออกแบบเองก็ตอบโจทย์สำหรับคนรุ่นใหม่ ด้วยสไตล์การออกแบบมินิมอลรับรองได้ว่า ถ้ามีโอกาสได้สัมผัส หรือเห็นของจริง คุณจะต้องตกหลุมรักเจ้าเครื่องดูดความชื้นรุ่นนี้
ข้อดี
– น้ำหนักเบาเป็นพิเศษ
– ไม่มีเสียงรบกวน
ข้อเสีย
– ทำงานเหมาะกับห้องขนาดเล็ก เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
4. เครื่องดูดความชื้น OUJING

ราคา: 3,580 บาท
ขนาด (กว้างxหนาxสูง): 280*170*485 มม.
ความจุ: 2.3 ลิตร
ความดังของเสียง: ไม่ระบุ
กำลังไฟ: 210 วัตต์
พื้นที่: เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดไม่เกิน 60 ตารางเมตร
ฟังก์ชันพิเศษ: ผลิตความร้อน ปรับได้ 3 ระดับ, ปรับแรงลมได้ และ SWING Mode
สำหรับบ้านใครที่มีเด็กเล็ก และเลี้ยงสัตว์ไว้ภายในบ้าน คุณเองอาจจะกังวลเรื่องของการใช้งานที่พวกเขาอาจจะเข้าไปสัมผัสกับตัวเครื่องโดยตรง เครื่องดูดความชื้นอย่าง OUJING จึงเป็นหนึ่งในเครื่องดูดความชื้นที่อยากพามาแนะนำให้รู้จัก ด้านหน้าของตัวเครื่องมีตะข่ายเหล็กที่จะช่วยป้องกันการสัมผัสโดยตรงของเด็ก และสัตว์เลี้ยง ร่วมด้วยกับวัสดุที่ใช้ในการผลิตอย่างดี ทำให้ทนทาน และแข็งแรง มีอายุการใช้งานที่มากกว่ารุ่นอื่น ๆ
หากเป็นหนึ่งในคนที่เคยมีปัญหาการนอนที่หลับยาก และรู้สึกนอนไม่สบายตัว การมีเครื่องดูดความชื้นเครื่องนี้จะช่วยทำให้อุณหภูมิโดยรอบเหมาะสมกับร่างกาย และทำให้ระบบการทำงานของร่างกายผ่อนคลายได้ดี รับรองว่าคุณจะกลายเป็นคนหลับง่าย และหมดปัญหาเรื่องการตื่นกลางดึกไปได้แน่นอน
ข้อดี
– มีตะข่ายเหล็กที่จะช่วยป้องกันการสัมผัสโดยตรง
– ช่วยทำให้อุณหภูมิโดยรอบเหมาะสมกับร่างกาย
– ควบคุมความชื้น และช่วยกำจัดแบคทีเรียไม่ดีได้ในเวลาเดียวกัน
ข้อเสีย
– มีเสียงรบกวนเล็กน้อย ขณะเครื่องเปิดใช้งาน
5. YANGZI 16csq001

ราคา: 1,150 บาท
ขนาด (กว้างxหนาxสูง): 16.5 x 14.5 x 23 cm
ความจุ: 0.8 L
ความดังของเสียง: ต่ำกว่า 30 dB
กำลังไฟ: 25 W
พื้นที่: 20 m
ฟังก์ชันพิเศษ: ระบบปิดเครื่องโดยอัตโนมัติหากถังน้ำเต็ม
หากกำลังมองหาเครื่องดูดความชื้นที่มีขนาดเล็ก และทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมกับระบบการจัดการในตัวที่ทำให้เครื่องไร้เสียงรบกวน คุณสมบัติเหล่านี้มีอยู่ในเครื่องดูดความชื้นเครื่องนี้ ด้วยลักษณะงานออกแบบที่ท้าทาย ทำให้เป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาเครื่องดูดความชื้นที่มีขนาดเล็กกว่าตลาด แต่เรื่องประสิทธิภาพ และความสามารถในการทำงานกลับไม่เล็กลงตามเครื่อง และมากไปกว่านั้นตัวเครื่องสามารถทำงานได้อัตโนมัติโดยที่ไม่จำเป็นต้องกดเปิด เพราะสามารถตั้งเวลาเปิดปิดได้เอง โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องของน้ำล้นออกจากตัวเครื่อง
ทางค่ายได้มีการให้สายยางที่เป็นอุปกรณ์เสริมที่จะทำให้น้ำได้ถ่ายเทอยู่ตลอด ป้องกันการล้นออกมา อย่างไรก็ดีขนาดที่เล็ก กะทัดรัดนี้จะสร้างความได้เปรียบให้กับเครื่องดูดความชื้นเครื่องนี้ได้ดีเป็นพิเศษ เพราะไม่ว่าจะไปวางไว้ในส่วนใดของบ้านก็กลมกลืน และดูเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้ไปในตัว ที่สำคัญคือเครื่องดูดความชื้นรุ่นนี้สามารถที่จะเปิดทิ้งไว้ได้ตลอดทั้งวัน เนื่องจากกินไฟต่ำ แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีไม่ตก
ข้อดี
– ป้องกันการล้นของน้ำด้วยระบบเฉพาะตัวของรุ่นนี้
– ดีไซน์สวยงาม เข้ากับบ้านได้ทุกสไตล์
– ช่วยประหยัดพลังงาน สามารถที่จะเปิดทิ้งไว้ขณะหลับได้
– ควบคุมความชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสีย
– ขนาดเล็กมาก ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้งานในห้องขนาดกลาง และใหญ่
6. HOMEMATE HOM-16E258

ราคา: 22,500 บาท
ขนาด (กว้างxหนาxสูง): 38.8 x 59.8 x 23.9 cm
ความจุ: 5 L
ความดังของเสียง: ต่ำกว่า 42 dB
กำลังไฟ: 410 W
พื้นที่: 20-25 m
ฟังก์ชันพิเศษ: ปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อน้ำในถังเต็ม, ตั้งเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติ, จอ LCD แสดงโปรแกรมการทำงานและระดับความชื้น และโปรแกรมการทำงานแบบฟอกอากาศ
ถ้าต้องการเครื่องดูดความชื้นที่มีฟังก์ชันในการทำงานที่หลากหลาย พร้อมสำหรับการใช้งานในหลากหลายรูปแบบ นี่คือเครื่องดูดความชื้นที่คุณต้องการ ด้วยรูปแบบการทำงานของเครื่องที่ถูกวางโปรแกรมมาให้พร้อมโดยจะครอบคลุมถึงการดูดความชื้นเพื่อป้องกันเชื้อรา และเชื้อแบคทีเรียที่คนไม่สามารถมองเห็นได้
ซึ่งในสภาพอากาศภายในบ้านที่มีค่าความชื้นมากเกินไป อาจจะส่งผลกระทบต่อเฟอร์นิเจอร์ที่ทำให้หลุด หรือลอกได้ เครื่องดูดความชื้นเครื่องนี้จึงเหมาะกับงานในลักษณะนี้ได้มาก เพราะตัวเครื่องมีระบบปฏิบัติการอัจฉริยะที่ทำให้อากาศมีค่าคงที่ที่สมดุลได้ดียิ่งขึ้น
ข้อดี
– เหมาะกับการใช้งานในหลากหลายรูปแบบ
– ป้องกันเชื้อรา และเชื้อแบคทีเรีย
ข้อเสีย
– เหมาะกับการวางไว้ในห้องนอน หรือห้องขนาดเล็กเท่านั้น
‘
7. HOMEMATE HOM-16H458

ราคา: 19,990 บาท
ขนาด (กว้างxหนาxสูง): 33.5 x 45 x 71 cm
ความจุ: ไม่ระบุ
ความดังของเสียง: 45 dB
กำลังไฟ: 230 W
พื้นที่: 42-50 m
ฟังก์ชันพิเศษ: โหมดดูดความชื้นอัตโนมัติ, ตั้งเวลาเปิดปิดอัตโนมัติ, ตัดการทำงานอัตโนมัติเมื่อน้ำในถังเต็ม และระบบ Auto-Swing
หากต้องการเครื่องดูดความชื้นที่วางไว้กลางบ้าน และให้เครื่องช่วยดูแลความชื้นที่มีบริเวณกว้างเป็นพิเศษ เครื่องดูดความชื้นรุ่นนี้จัดได้ว่าตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ดีทีเดียว เพราะตัวเครื่องดูดความชื้นนี้สามารถที่จะดูแลพื้นที่ครอบคลุมได้ถึง 50 เมตรที่เป็นพื้นที่โล่งได้ อีกทั้งความน่าสนใจของเครื่องดูดความชื้นรุ่นนี้คือ ไร้เสียง ขณะเครื่องเปิดทำงานอยู่นั้นจะไม่มีเสียงรบกวน และทำงานได้ดี ทันทีที่เปิดเครื่องค่าความชื้นจะเข้าสู่สภาวะที่ควรจะเป็นจนคุณเองก็สัมผัสได้
จุดเด่นของเครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องนี้ยังมีถังน้ำที่บรรจุได้ที่ค่อนข้างเยอะมาก ทำให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการต้องเดินมาตรวจเช็คน้ำในถังบรรจุน้ำอยู่เสมอ ๆ สามารถที่จะใช้งานได้ระยะเวลานาน เมื่อเครื่องมีน้ำที่ใกล้เต็มจะทำการส่งเสียงแจ้งเตือนเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน
ข้อดี
– ดูแลพื้นที่ครอบคลุมได้ถึง 50 เมตร
– ถังน้ำที่บรรจุได้ที่ค่อนข้างเยอะมาก
ข้อเสีย
– ราคาสูง
8. Nuova TOMTOP

ราคา: 1,333 บาท
ขนาด (กว้างxหนาxสูง): 28 x 16 x 12.3 cm
ความจุ: 0.5 L
ความดังของเสียง: ไม่ระบุ
กำลังไฟ: 23 W
พื้นที่: 10 m
ฟังก์ชันพิเศษ: ปิดเครื่องอัตโนมัติหากน้ำเต็ม และไฟแสดงสถานการณ์ทำงานและระดับน้ำ
เครื่องดูดความชื้นที่มีจุดเด่นเป็นเรื่องของขนาดที่เล็กมาก หรืออาจจะที่สุดในตลาดตอนนี้ที่มีอยู่ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถที่จะนำเครื่องดูดความชื้นเครื่องนี้ไปใช้ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการวางไว้บนหัวเตียง หรือการนำไปใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้าเพื่อให้เสื้อผ้า หรือชุดที่คุณจะทำการใส่ไม่มีความชื้นหลงเหลืออีก
โดยความพิเศษของเครื่องดูดความชื้นที่ถึงจะเล็กมาก แต่คุณสมบัติ และประสิทธิภาพในการทำงานกลับไม่เล็กตาม เพราะตัวเครื่องสามารถที่จะบรรจุน้ำได้เกือบ 1 ลิตรกันเลยทีเดียว ในช่วงเวลาที่เปิดทำงานตัวเครื่องก็มีระบบตัดเสียงที่ทำให้ไม่สร้างเสียงรบกวนในขณะที่เครื่องกำลังดูดความชื้นอีกด้วย ทั้งหมดนี้มีอยู่ในเครื่อง Nuova TOMTOP ด้วยราคาเพียงพันนิด ๆ เท่านั้น
ข้อดี
– ขนาดที่เล็กมาก
– บรรจุน้ำได้เกือบ 1 ลิตร
ข้อเสีย
– ไม่เหมาะกับห้องขนาดใหญ่ หรือห้องขนาดกลาง
9. DJSHOP CS10E

ราคา: 3,500 บาท
ขนาด (กว้างxหนาxสูง): 24.5 x 13.7 x 37.5 cm
ความจุ: 2.2 L
ความดังของเสียง: 25 dB
กำลังไฟ: 90 W
พื้นที่: 30 m
ฟังก์ชันพิเศษ: ตั้งค่าความชื้น, มีสัญญาณเตือนเมื่อน้ำเต็ม, ตั้งเวลาเปิดปิด และระบบละลายน้ำแข็ง
ใครที่ทำการตามอ่านรีวิวความน่าสนใจของเครื่องดูดความชื้นมาก่อน เครื่องดูดความชื้นรุ่นนี้จะต้องเป็นอีกตัวที่หลายคนน่าจะพอพบเห็นกันมาบ้าง เนื่องจากเป็นตัวที่มีชื่อเสียงมากในวงกาเครื่องดูดความชื้น เพราะราคาที่เข้าถึงได้ง่าย และความสามารถในการทำงานที่มีประสิทธิภาพที่อยู่ในระดับสูง ตัวเครื่องสามารถที่จะทำการเปิดปิดได้เองอัตโนมัติ คุณสามารถตั้งเวลาในการทำงานของตัวเครื่องได้โดยตรง เมื่อถึงเวลาเครื่องจะทำการเปิดใช้อัตโนมัติ มาพร้อมกับหน้าจอแบบ LCD ที่พร้อมแสดงข้อมูลพื้นฐานของตัวเครื่องเอง และค่าความชื้นในอากาศ
งานออกแบบของเครื่องทำออกมาได้น่าประทับใจ ตัวเครื่องมีขนาดปานกลาง แต่น้ำหนักเบา ทำให้เคลื่อนย้ายได้ง่าย มีถังบรรจุน้ำที่มีขนาดถึง 2.2 ลิตร ให้ใช้งานได้ยาว ๆ โดยที่ไม่ต้องคอยตรวจสอบระดับน้ำอยู่เสมอ เพราะเมื่อน้ำในถังบรรจุน้ำใกล้เต็ม ตัวเครื่องจะส่งเสียงเพื่อทำการแจ้งเตือนให้กับคุณได้ทราบ ก่อนที่น้ำจะเต็ม และล้นออกมา ทำให้การเปิดใช้งานเครื่องดูดความชื้น คุณสามารถทำกิจกรรมอื่นร่วมด้วยได้อย่างไร้กังวล
ข้อดี
– ราคาย่อมเยา
– หน้าจอแบบ LCD
ข้อเสีย
– เมื่อเทียบกับขนาด และฟังก์ชันการใช้งาน มีเสียงรบกวนที่ดังพอตัว
10. Zhibai

ราคา: 9,900 บาท
ขนาด (กว้างxหนาxสูง): ไม่ระบุ
ความจุ: 1.8 L
ความดังของเสียง: ต่ำกว่า 46 dB
กำลังไฟ: 175 W
พื้นที่: 10 – 30 m
ฟังก์ชันพิเศษ: ตั้งเวลาเปิดปิดเครื่อง, ตั้งค่าความชื้นในห้อง 40/ 50/ 60 และ CO (ต่อเนื่อง) อีกทั้งยังมีโหมดดูดความชื้นและโหมดเป่าแห้ง
เป็นหนึ่งในเครื่องดูดความชื้นที่มีฟังก์ชันในการทำงานที่ถือว่าครบถ้วนได้หลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้งาน อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานได้ตลอดวัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะว่าตัวเครื่องมีระบบในการจ่ายพลังงานอัจฉริยะ ระบบจะทำการส่งพลังงานไปยังส่วนที่ต้องทำงานเป็นหลักก่อน จึงทำให้การเปิดเครื่องตลอดทั้งวันได้ไร้กังวล
นอกจากนี้ตัวเครื่องดูดความชื้นยังมีลักษณะงานออกแบบที่ตอบโจทย์สำหรับคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ มีขนาดเล็ก กะทัดรัด สามารถนำไปวางไว้ในส่วนต่าง ๆ ของบ้านได้ไม่ยุ่งยาก ขณะใช้งานเสียงของเครื่องดูดความชื้นนี้อยู่ในระดับที่ต่ำ จึงไม่เป็นการรบกวนผู้ใช้งานที่เปิดเครื่องไว้แน่นอน พร้อมกับระบบหน้าจอแบบ LCD ที่เข้ามาเสริมให้สามารถสั่งการได้ง่ายขึ้น และตรวจสอบสถานะของค่าความชื้นได้เพียงแค่ปลายนิ้ว
ข้อดี
– ระบบในการจ่ายพลังงานอัจฉริยะ
– หน้าจอแบบ LCD ใช้งานง่าย สั่งการ และตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์
– ขนาดเล็ก กะทัดรัด
ข้อเสีย
– เครื่องเล็ก แต่ใช้พลังงานสูงเกินความจำเป็น
ทั้งหมดนี้เป็นรายละเอียดของทั้ง 10 อันดับเครื่องดูดความชื้นที่น่าสนใจ และเกณฑ์ในการเลือกซื้อเครื่องดูดความชื้นที่จะทำให้คุณได้เครื่องที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด โดยจำเป็นที่จะต้องถอดความต้องการ และมองหาเครื่องดูดความชื้นที่มีฟังก์ชันตามลักษณะงาน เพื่อให้ได้เครื่องดูดความชื้นที่พร้อมใช้งาน ในราคาที่ไม่จำเป็นต้องสูง เพราะจะสังเกตได้ว่าเครื่องดูดความชื้นมีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลายพันบาท ซึ่งถ้าตอบตัวเองได้ว่าต้องการเครื่องดูดความชื้นมาใช้ในลักษณะใด บางทีตัวเลือกที่ดีที่สุด ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงที่สุด สุดท้ายนี้หากต้องการติดตามบทความการจัดอันดับดี ๆ แบบนี้สามารถติดตามได้ผ่านช่องทางเดียวกัน เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกของสินค้าที่คุณต้องการ