
ถ้าคุณกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ประเภทนาฬิกาอัจฉริยะที่จะช่วยทำให้การใช้ชีวิตของคุณนั้น มีคุณภาพ, มีประสิทธิภาพและมีการดูแลตนเองที่ดีขึ้น เราอยากจะมาแนะนำอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ดี ๆ ของ garmin watch ซึ่งเป็นนาฬิกาอัจฉริยะ ในยุคปัจจุบันนี้นาฬิกาข้อมือเป็นมากกว่าสิ่งของที่ใช้ในการดูเวลา แต่ยังนำมาใช้ในการวัดผลต่าง ๆ เพื่อติดตามสุขภาพและการออกกำลังกายของคุณให้ดีขึ้นอีกด้วย สำหรับผู้ที่กำลังสนใจอยากจะเลือกซื้อหานาฬิกาคู่ใจซักเรือนที่จะตอบโจทย์ครอบคลุมเกี่ยวกับการวัดผลติดตามการออกกำลังกายสุขภาพของคุณรายวัน เพื่อที่จะนำไปปรับปรุงทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้น วันนี้เราก็มีนาฬิกาของ garmin watch มาแนะนำถึง 10 รุ่นด้วยกัน ซึ่งในแต่ละรุ่นนั้นก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไปและมีราคาที่ต่างกันไปด้วย
10 อันดับ garmin watch
2. Garmin Forerunner 245 Music
3. Garmin Forerunner 645 Music
1. Garmin Forerunner 45
โดยนาฬิกาของ garmin watch รุ่นนั้นเป็นนาฬิกาที่โดดเด่นในเรื่องของการจับแคลอรี และมีประสิทธิภาพจับเวลาในการวิ่งของคุณ แต่ถึงกระนั้นก็ยังสามารถใช้ในการวัดผลการออกกำลังกายกีฬาประเภทอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น การปั่นจักรยานหรือการคาร์ดิโอด้วยท่าทางต่าง ๆ เป็นต้น สามารถจัดเก็บอัตราการเต้นของหัวใจ และสามารถเลือกเพลงที่คุณต้องการฟังได้อีกด้วย โดยมีการออกแบบหน้าปัดทรงกลม ให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่… 39 มม. และ 42 มม. กันน้ำลึกสูงสุด 50 เมตรแต่รุ่นนี้จะไม่มีการติดตามการว่ายน้ำของคุณ เป็นนาฬิกาที่รองรับระบบการทำงานของแอนดรอยด์และ iOS รุ่นนี้จะเน้นการติดตามการวิ่งและการปั่นจักรยาน โดยอ้างอิงจากแผนที่ดาวเทียม รองรับการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของคุณ ถ้าคุณยังคงเป็นนักวิ่งมือใหม่และยังไม่ต้องการลงทุนกับนาฬิกาอัจฉริยะมากนัก รุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่น่าสนใจเลยทีเดียว
รุ่น : Garmin Forerunner 45
ประเภทการใช้ : วิ่งและปั่นจักรยาน
แบตเตอรี่ : 7 วัน
การกันน้ำ : 50 เมตร
ราคา : 7,990 บาท
ข้อดี
- ราคาเหมาะกับผู้เริ่มต้น
- เน้นการวิ่งโดยเฉพาะ
- ตัวเรือนบางสวย
ข้อเสีย
- ไม่มีเพลง
- จำกัดการออกกำลังกายเพียงไม่กี่รูปแบบ
2. Garmin Forerunner 245 Music
สำหรับนาฬิการุ่นนี้เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อยอดมาจากรุ่น 235 โดยยังคงคุณสมบัติที่หลาย ๆ คน ชื่นชอบนั่นก็คือมีระบบการติดตามการออกกำลังกาย การวิ่ง, จักรยาน, การคาร์ดิโอและการว่ายน้ำ และด้วยความที่เป็นรุ่นใหม่กว่าจึงได้มีการเพิ่มเติมคุณสมบัติใหม่ให้มีความน่าสนใจยิ่งกว่าเดิม นั่นก็คือเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, อ่านค่าแบบมี V02 MAX และยังได้เพิ่มคุณสมบัติดึงข้อมูลมาจาก GPS สามารถเล่นเพลงได้ดีมาก คุณสามารถถ่ายโอนเพลงจากแอปพลิเคชัน Spotify มายังนาฬิกาเรือนนี้ได้ บรรจุเพลงได้ประมาณ 500
รุ่น : Garmin Forerunner 245 Music
ประเภทการใช้ : การวิ่ง, จักรยาน, การคาร์ดิโอและการว่ายน้ำ
แบตเตอรี่ : ระบบสแตนด์บาย 7 วัน
การกันน้ำ : 50 เมตร
ราคา : 9,990
ข้อดี
- โดยรวมแล้วเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบในการวิ่ง และชื่นชอบในการฟังเพลงคุณภาพดีไปพร้อม ๆ กัน
- สามารถซิงค์ข้อมูลจาก Spotify เพื่อเล่นเพลงที่คุณชื่นชอบได้
ข้อเสีย
- ราคาค่อนข้างสูง
- การออกแบบภายนอกยังไม่ค่อยล้ำสมัยสักเท่าไหร่
3. Garmin Forerunner 645 Music
โดยเป็นนาฬิการุ่นแรกที่นำเสนอคุณสมบัติการฟังเพลงที่แตกจากรุ่น 245 music และมีความโดดเด่นในเรื่องของตัวเรือนนาฬิกาที่ได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัยมีเอกลักษณ์น่าสนใจมากยิ่งขึ้น และยังมีประสิทธิภาพในการวัดความกดอากาศซึ่งเหมาะมากสำหรับนักวิ่งเทรล ที่จะได้ศึกษาข้อมูลระดับความสูงที่ตนเองได้วิ่งไป นอกจากนี้ยังครอบคลุมถึงการติดตามการขี่จักรยานและการว่ายน้ำในสระว่ายน้ำอีกด้วย เหมาะสำหรับนักวิ่งที่เริ่มมีความจริงจังในการวิ่งมาในระดับหนึ่ง ต้องการติดตามความยาวในการก้าวเท้าของตัวเอง ความสมดุลในการวิ่ง และอื่น ๆ นอกจากนี้ยังเป็นนาฬิกาของ Garmin รุ่นแรกที่อนุญาตให้สตรีมเพลงได้โดยตรง มีพื้นที่เก็บข้อมูลเพลง 500 เพลง แต่อย่างไรก็ตามถ้าคุณไม่ต้องการใช้คุณสมบัติทางด้านเพลง ก็มีนาฬิการุ่นที่ถูกกว่านี้มีคุณสมบัติเท่าเทียมกัน เพียงแต่ว่าจะขาดการฟังเพลงไปนั่นเอง
รุ่น : Garmin Forerunner 645 Music
ประเภทการใช้ : Multisport
แบตเตอรี่ : ระบบสแตนด์บาย 7 วัน
การกันน้ำ : 5 เมตร
ราคา : 16,990 บาท
ข้อดี
- รองรับ Spotify
- การออกแบบดูมีสไตล์สวยงามมากยิ่งขึ้น
ข้อเสีย
- ไม่มี PacePro
- คุณไม่ต้องการฟังเพลง Forerunner 245 จะตอบโจทย์คุณมากกว่า
4. Garmin Enduro
คุณสมบัติที่โดดเด่นคืออายุของการใช้งานแบตเตอรี่ที่อัดแน่นจัดเต็ม โดยอายุการใช้งานแบตเตอรี่ GPS สูงสุดมากถึง 70 ชั่วโมง และการใช้ในโหมดพลังงานต่ำสามารถอยู่ได้นานถึง 200 ชั่วโมง เรียกได้ว่าไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่เลย สำหรับการใช้ในการวิ่งอัลตร้ามาราธอนระยะทาง 40 ไมล์ จะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพียงแค่ 10% เท่านั้น และมีคุณสมบัติการ วัดการวิ่งบนลู่วิ่ง, การวิ่งในร่ม, การวิ่งเทล, การวิ่งเสมือนจริง, รองรับการขี่จักรยานและการว่ายน้ำแบบ MTB อีกด้วย ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกายการวิ่งหลายสาย
รุ่น : Garmin Enduro
ประเภทการใช้ : Multisport
แบตเตอรี่ : ระบบสแตนด์บาย 200 ชั่วโมง
การกันน้ำ : 10 เมตร
ราคา : 26,990 บาท
ข้อดี
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่อัดแน่นจุใจ ไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่บ่อย ๆ
- สายรัดไนลอนสวยงาม และมีความสะดวกสบายรองรับข้อมือขนาดต่าง ๆ ได้ดี
ข้อเสีย
- ราคาสูงมาก
- ไม่มีแผนที่
5. Garmin Lily
เป็นนาฬิกาสมาร์ตวอตช์ที่เล็กที่สุดของค่ายนี้ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายไปที่ผู้หญิงที่รักในการออกกำลังกายแบบง่าย ๆ มีตัวเรือนขนาด 34 มม. และสายเพียง 14 มม. หน้าจอ LCD ความละเอียดต่ำ โดยไม่ค่อยตอบโจทย์คุณสมบัติการออกกำลังกายฟิตเนสเท่าไหร่นัก ไม่มี GPS แต่สามารถใช้ควบคู่กับ GPS บนโทรศัพท์มือถือของคุณได้ในยามที่วิ่ง มีคุณสมบัติทางด้านการตรวจสุขภาพมากมาย รองรับ SpO2, อัตราการเต้นของหัวใจ, การติดตามการนอนหลับ และที่สำคัญมีโหมดการตั้งครรภ์
รุ่น : Garmin Lily
ประเภทการใช้ : Multisport
แบตเตอรี่ : ระบบสแตนด์บาย 5 วัน
การกันน้ำ : 5 เมตร
ราคา 8,490 บาท
ข้อดี
- รูปร่างเพรียวบางไม่หนักข้อมือสายรัดเพียง 14 มม.
- ช่วยตอบโจทย์คุณลักษณะด้านสุขภาพตรวจกิจกรรมประจำวันได้ดี
ข้อเสีย
- ไม่มี GPS ในตัวต้องใช้คู่กับโทรศัพท์มือถือ
- ใช้ในการวัดผลการออกกำลังกายแบบง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันเท่านั้น ไม่เหมาะกับการออกกำลังกายแบบจริงจัง
6. Garmin Venu Sq
สำหรับนาฬิกาเรือนนี้ คุณสามารถใช้ในการวัดผลในการออกกำลังกายของตัวเองได้หลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง, การขี่จักรยาน, การว่ายน้ำ, การออกกำลังกายในยิม, โยคะ, การเล่นกีฬาบนหิมะต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีการวัดผลการหายใจของผู้สวมใส่ด้วย มีระบบ GPS ในตัวและสามารถตรวจสอบออกซิเจนในเลือดได้ทั้งกลางวันและกลางคืน มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่าง Body Battery ที่ใช้ในการตรวจสอบความพร้อมในการออกกำลังกาย อีกทั้งยังแนะนำผู้สวมใส่ได้ด้วยว่าควรพักผ่อนเมื่อไหร่ และในขณะที่คุณออกกำลังกายจนหนักเกินไป ทางนาฬิกา garmin watch ก็จะเตือนคุณด้วย
รุ่น : Garmin Venu Sq
ประเภทการใช้ : Multisport
แบตเตอรี่ : ระบบสแตนด์บาย 14 ชั่วโมง
การกันน้ำ : 5 เมตร
ราคา : 7,190 บาท
ข้อดี
- ราคาสมเหตุสมผลกับสิ่งที่ได้รับ
- มีการเตือนตรวจสอบความเครียดและการหายใจ
ข้อเสีย
- หน้าจอไม่ค่อยดีเท่าไหร่
- อินเตอร์เฟซค่อนข้างที่จะยุ่งเหยิง
7. Garmin Vivoactive 4
สำหรับนาฬิการุ่นนี้เน้นสำหรับผู้ที่ชอบทำกิจกรรมกีฬา และผู้ที่ชอบออกกำลังกายแบบเน้น ๆ โดยเฉพาะ มีประโยชน์ทางด้านการแจ้งเตือนและคุณสมบัติอันสุดอัจฉริยะ ที่พร้อมจะติดตามการเล่นกีฬาของคุณในทุก ๆ กิจกรรมเลยทีเดียวโดยรองรับกิจกรรมมากถึง 20 กิจกรรม แต่อย่างไรก็ตามนาฬิการุ่นนี้ได้รับการออกแบบมามากกว่าการติดตามกิจกรรมการออกกำลังกายของคุณ มีการแสดงผลแบบที่มีความละเอียดแบบใหม่ รองรับ Spotify ไม่ว่าคุณจะวิ่งบนลู่วิ่ง, วิ่งในกลางแจ้งปั่น, จักรยานในร่ม, ปั่นกลางแจ้ง, ว่ายน้ำสระว่ายน้ำ หรือตีกอล์ฟและอื่น ๆ ก็สามารถช่วยติดตามการทำกิจกรรมของคุณได้ทั้งนั้น และมีการวัดค่าตอนหลับนอน วัดชีพจรทำให้คุณสามารถวิเคราะห์ได้ว่า คุณมีการนอนหลับที่ดีหรือไม่และ GPS ของรุ่นนี้ค่อนข้างเสถียรมากเลยทีเดียว
รุ่น : Garmin Vivoactive 4
ประเภทการใช้ : Multisport
แบตเตอรี่ : ระบบสแตนด์บาย 7 วัน
การกันน้ำ : 5 เมตร
ราคา : 11,990
ข้อดี
- ติดตามกิจกรรมการออกกำลังกายได้มากมายหลายแบบ
- จอแสดงผลใหม่สวยงาม
ข้อเสีย
ขาด VO2 Max
8. Garmin Venu
ถ้าคุณต้องการสวมใส่นาฬิกาการออกกำลังกายที่มีความเท่ มีความเป็นแฟชั่นเสริมเข้ามาด้วย รุ่นนี้จะเหมาะกับคุณโดยมีหน้าจอแบบ AMOLED ที่มันวาวสวยงามมาก หน้าจอก็มีขนาดใหญ่ทำให้มองอ่านค่าต่าง ๆ ในที่มืดได้ง่ายขึ้น ในส่วนของการแจ้งเตือนข้อมูลสุขภาพก็ดีขึ้นเช่นกัน สามารถติดตามการปั่นจักรยาน, การวิ่ง, การว่ายน้ำ, การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออื่น ๆ ได้ครบ และยังมีการอ่านค่าการเต้นของหัวใจใต้น้ำได้ด้วย
รุ่น : Garmin Venu
ประเภทการใช้ : Multisport
แบตเตอรี่ : ระบบสแตนด์บาย 5 วัน
การกันน้ำ : 5 เมตร
ราคา : 12,990
ข้อดี
- หน้าจอเป็น AMOLED สวยงามมาก
- มีเพลงรองรับ Spotify
ข้อเสีย
จากการใช้งานหน้าจอ AMOLED จึงทำให้ดึงอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ลดลง
9. Garmin Fenix 6 Pro
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ Fenix เรียกได้ว่าเป็นรุ่นระดับเรือธงของนาฬิกา garmin watch เลยทีเดียว และสำหรับรุ่นนี้เป็นหนึ่งในนาฬิกากีฬาที่ได้รับการยกย่องจากหลายสำนักว่ายอดเยี่ยมยิ่งใหญ่ โดยมีการเปิดระบบให้คุณทำกิจกรรมกลางแจ้ง มีโหมดติดตามการเดินป่า, ปีนเขา, มีการวัดการปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, วิ่งเทรล และกีฬาอื่น ๆ มากมาย มีการวัดระบบ VO2 MAX มีการติดตามความเครียดของผู้สวมใส่ การฝึกพัฒนาร่างกายต่าง ๆ ถ้าคุณเป็นนักวิ่งสายข้อมูลแน่น ๆ จะต้องชื่นชอบเรือนนี้อย่างแน่นอน และที่สำคัญคือมาพร้อมกับคุณสมบัติ PacePro ซึ่ง ทำให้การติดตาม GPS มีความแม่นยำในระดับที่สุด ไม่ว่าคุณจะวิ่งในลักษณะขึ้นเนิน, ลงเนิน หรือเลี้ยวต่าง ๆ สามารถติดตามได้ในทุก ๆ จุดที่คุณย่างก้าวเลยทีเดียว นอกจากนี้สำหรับนักเดินป่าเขาก็มีการทำแผนที่แบบ TOPO เพื่อทำให้คุณสามารถมั่นใจในทุกทางที่คุณไปออกกำลังกาย หรือไปเดินป่าก็ได้ทำให้ลดความอันตรายลง
รุ่น : Garmin Fenix 6 Pro
ประเภทการใช้ : Multisport
แบตเตอรี่ : ระบบสแตนด์บาย 93 ชั่วโมง
การกันน้ำ : 10 เมตร
ราคา : 28,990 บาท
ข้อดี
- มีการปรับรูปโฉมใหม่ให้มีน้ำหนักที่เบายิ่งขึ้น
- มีการออกกำลังกายและกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย
- มีเพลง Spotify
ข้อเสีย
ราคาสูงมาก
10. Garmin Forerunner 945
เป็นหนึ่งในนาฬิกาสายวิ่งที่จัดอยู่ในนาฬิกาออกกำลังกายที่ทรงประสิทธิภาพอันดับต้น ๆ ของวงการเลยทีเดียว โดยมีระบบการทำงานที่ยอดเยี่ยมจนยากที่จะโค่นล้ม เป็นนาฬิกาที่มีประสิทธิภาพอย่างไม่น่าเชื่อ ออกแบบมาสำหรับผู้ที่เล่นไตรกีฬาและเหมาะกับนักวิ่งที่ต้องการวิ่งนาน, วิ่งเร็ว, วิ่งอย่างจริงจัง และต้องการติดตามประสิทธิภาพในการออกกำลังกายของตนเองอย่างใกล้ชิด ทำให้มั่นใจว่าเปรียบเสมือนมีผู้ช่วยดูแลไม่ทำให้บาดเจ็บ หรือหักโหมจนทำให้เกิดอันตรายเกิดขึ้นกับตนเอง สำหรับนาฬิกา garmin watch เรือนนี้พร้อมที่จะติดตามกีฬาที่คุณเล่นแบบหลากหลาย มีเครื่องเล่นเพลงมีคุณสมบัติ GPS และมีแผนที่แบบสีเห็นได้อย่างชัดเต็ม ๆ ตา โดยเริ่มจากลู่วิ่งไปจนกระทั่งการวิ่งเทรลต่าง ๆ มีครบสามารถติดตามข้อมูลหลังจากการฝึกซ้อมเสร็จของคุณได้เลย และในส่วนของแบตเตอรี่ก็มีอายุการใช้งานที่ยอดเยี่ยม ช่วยตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจ และมีคุณสมบัติที่ช่วยเตือนว่าคุณจะไม่ออกแรงมากจนเกินไป จนกระทั่งส่งผลทำให้หัวใจทำงานหนักเกินความพอดี เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่แนะนำให้กับนักกีฬาใส่วิ่งที่จริงจัง ข้อดีการวิเคราะห์ขั้นสูงมีการติดตามการออกกำลังกายแบบไตรกีฬา
รุ่น : Garmin Forerunner 945
ประเภทการใช้ : Multisport
แบตเตอรี่ : ใช้งานได้นานถึง 36 ชั่วโมงในโหมด GPS
การกันน้ำ : 10 เมตร
ราคา : 19,990 บาท
ข้อดี
- การวิเคราะห์ขั้นสูงแบบละเอียด
- การติดตามไตรกีฬา
- มีราคาถูกกว่ารุ่น FENIX
ข้อเสีย
การออกแบบดีไซน์อาจจะไม่เท่เท่ากับรุ่น FENIX
สรุปแล้วนาฬิกา garmin watch ที่เรานำมาแนะนำทั้ง 10 รุ่นมีทั้งราคาสูงและราคาที่จับต้องได้ ในส่วนของประสิทธิภาพการใช้งานการวัดผลนั้นก็แตกต่างกันไป ทั้งนี้ขอให้คุณผู้อ่านพิจารณาจากความต้องการในการออกกำลังกาย หรือการตรวจเช็กสภาพร่างกายของตัวเองเป็นหลัก รวมทั้งงบประมาณเงินทุนที่คุณมี ในกรณีที่คุณไม่ต้องการคุณภาพในการออกกำลังกายมากนักเพราะคุณมักจะออกกำลังกายเบา ๆ หรือออกกำลังกายทั่วไปในชีวิตประจำวัน ก็สามารถซื้อนาฬิการาคาย่อมเยา แต่ถ้าคุณชอบออกกำลังกายแบบหนักหน่วงชอบเล่นกีฬาชอบลงแข่งขันลงสนามท้าทายความสามารถตนเอง ก็ขอแนะนำรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นไปก็จะตอบโจทย์และทำให้คุณออกกำลังกายแบบสนุกสุด ๆ