10 อันดับ เครื่องดูดฝุ่นพลังดูดแรง ใช้งานคงทน

เครื่องดูดฝุ่นพลังดูดแรง

ปฏิเสธไม่ได้ว่างานบ้านเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทุกคนต้องทำ และมีวิธีจัดการที่แตกต่างกันออกไป ที่รวมไปถึงอุปกรณ์ในการทำความสะอาดที่ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับตัวงาน หนึ่งในอุปกรณ์ที่จัดได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่คุ้นเคย และช่วยในการจัดการสิ่งสกปรกขนาดเล็ก และใหญ่ได้ด้วยการดูดเข้าไปในเครื่อง แน่นอนว่าอุปกรณ์ที่กำลังพูดถึงอยู่นี้คือ เครื่องดูดฝุ่น 

เครื่องดูดฝุ่นเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ทำความสะอาดที่สามารถปรับใช้ได้กับหลายลักษณะงานไม่ว่าจะเป็นการดูดฝุ่นในพื้นราบ หรือจะเป็นการเปลี่ยนหัวเพื่อไปทำความสะอาดตามเบาะที่นั่ง และโซฟาก็ได้ด้วยเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดีจุดเด่นของเครื่องดูดฝุ่นคือการเข้าจัดการกับฝุ่นที่อยู่ตามซอก และมุมอับต่าง ๆ ของเฟอร์นิเจอร์ได้โดยที่ไม่ทำให้ฝุ่นเหล่านั้นเกิดฟุ้งขึ้นมาก่อนที่จะทำความสะอาด จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมชื่อของอุปกรณ์ทำความสะอาดชิ้นนี้จึงอยู่คู่กับผู้คนมาอย่างยาวนาน และถ้าใครกำลังสนใจอยากที่จะหาซื้อเครื่องดูดฝุ่นมาใช้งานกัน บทความชิ้นนี้ได้ทำการรวบรวม 10 เครื่องดูดฝุ่นที่น่าสนใจไว้ด้วยกัน ถ้าหากว่าพร้อมแล้วก็สามารถไปติดตามกันได้ 

10 อันดับเครื่องดูดฝุ่น

1. Bosch BCH3K255

2. Electrolux Z1221

3. OTTO HV-092

4. Dibea F20 Max Plus

5. Xiaomi Jimmy JV11

6. Dyson V8™ Fluffy+ Cord-Free Vacuum Cleaner

7. Electrolux EC41-2DB

8. Philips PowerPro Compact FC9350

9. Dyson V11™ Absolute+ Cord-Free Vacuum Cleaner

10. Xiaomi Deerma 2 In 1 รุ่น DX700

1. Bosch BCH3K255

Bosch BCH3K255

ราคา: 13,900 บาท

รูปแบบการจัดเก็บขยะ: กล่องเก็บฝุ่น

ประเภท: เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย

ประเภทหัวดูด: ไม่ระบุ

ขนาดช่องเก็บฝุ่น: 0.4 ลิตร

น้ำหนัก (kg): 3

เครื่องดูดฝุ่นที่ชาร์จเพียงครั้งเดียว และสามารถใช้งานแบบไร้สายได้อย่างเต็มที่ โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตที่จะหมดก่อนระหว่างทำงาน หากพูดถึงคุณสมบัติของเครื่องดูดฝุ่นในลักษณะนี้ชื่อของอุปกรณ์เครื่องดูดฝุ่น Bosch BCH3K255 ก็ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะสำหรับตัวเครื่องดูดฝุ่นนี้ทำการชาร์จเพียงครั้งละ 4 – 5 ชั่วโมง ก็สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องมากถึง 1 ชม. กันเลย โดยความแรง และประสิทธิภาพในการดูดของเครื่องดูดฝุ่นนี้จัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ 

เครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้มีความสามารถในการปรับระดับความแรงของการดูดได้ 2 ระดับด้วยกัน ซึ่งจะมีระดับปกติ และระดับความแรงสูง เพื่อให้เหมาะกับแต่ละสภาพงาน ภายในกล่องที่ผู้ใช้งานได้ไปจะมีอุปกรณ์เสริมในการดูดฝุ่นมากมายเป็นหัวแปรงขนาดต่าง ๆ เพื่อให้สามารถดูดฝุ่นได้ทุกซอก และทุกมุมได้ดียิ่งขึ้น และความพิเศษของเครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้ไม่ได้มีเพียงแค่นี้ เพราะมีระบบ Robust Air ที่เป็นนวัตกรรมที่ใส่เข้ามาในเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้เท่านั้น ที่จะทำให้การดูดฝุ่นของผู้ใช้งานดูดได้เต็มถัง และค่อยทำความสะอาดภายใน พร้อมใช้งานได้ยาว ๆ 

ข้อดี 

– สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องมากถึง 1 ชม.

– ความแรงของการดูดได้ 2 ระดับ

– ระบบ Robust Air

ข้อเสีย 

– เสียงรบกวนที่ดังต่อเนื่อง 

2. Electrolux Z1221

Electrolux Z1221

ราคา: 1,990 บาท

รูปแบบการจัดเก็บขยะ: ถุงเก็บฝุ่น

ประเภท: เครื่องดูดฝุ่นมีสาย

ประเภทหัวดูด: ไม่ระบุ

ขนาดช่องเก็บฝุ่น: 1.8 ลิตร

น้ำหนัก (kg): 4

สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องดูดฝุ่นสำหรับใช้ที่บ้าน หรือห้องคอนโดที่มีขนาดใหญ่ ตัวเลือกที่อยากแนะนำเลยคือ Electrolux Z1221 เนื่องจากเครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้ถึงจะมีขนาดที่ถือว่าเล็ก และใช้งานง่าย แต่ในเรื่องของประสิทธิภาพในการใช้งานจัดได้ว่าเทียบเท่ากับเครื่องดูดฝุ่นชั้นนำที่ราคาสูงมาก ๆ เครื่องหนึ่งเลยทีเดียว ภายในตัวเครื่องมีไมโครฟิลเตอร์ และแผ่นกรองคาร์บอนที่ช่วยทำการดักจับฝุ่นโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็กเท่าใด เครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้สามารถที่จะดูด และเก็บฝุ่นเหล่านั้นได้ทั้งหมด

พร้อมกับยังเป็นการค่าเชื้อโรคไปในตัวอีกด้วย เพราะมีระบบในการป้องกันเชื้อโรค และแบคทีเรียที่มองไม่เห็นเสริมเข้าไปในเครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้ อย่างไรก็ดีความน่าสนใจของการใช้งานเครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้คือการที่คุณไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดถังที่กักเก็บฝุ่นอยู่ตลอดว่าเต็มหรือไม่ เพราะตัวเครื่องเมื่อดูดฝุ่น และที่กักเก็บฝุ่นเริ่มเต็ม ตัวเครื่องจะมีระบบในการแจ้งเตือนส่งเสียงออกมาเพื่อทิ้งฝุ่นสะสมเดิมที่มีอยู่ 

ข้อดี 

– ระบบในการป้องกันเชื้อโรค

– ขนาดเล็ก กะทัดรัด

– ตัวเครื่องมีไมโครฟิลเตอร์

ข้อเสีย 

– เสียงรบกวนระหว่างการใช้งาน 

3. OTTO HV-092

OTTO HV-092

ราคา: 690 บาท

รูปแบบการจัดเก็บขยะ: กล่องเก็บฝุ่น

ประเภท: เครื่องดูดฝุ่นมีสาย

ประเภทหัวดูด: กังหัน

ขนาดช่องเก็บฝุ่น: 1.2 ลิตร

น้ำหนัก (kg): 1.66

อุปกรณ์ใช้ไฟฟ้าในหลายอุปกรณ์เมื่อมีการเริ่มทำงานไปสักพักจะทำให้ตัวอุปกรณ์มีความร้อนสะสมเรื่อย ๆ จนมือที่สัมผัสอุปกรณ์โดยตรงเริ่มรู้สึกถึงความร้อน ซึ่งจะสร้างความไม่สะดวกสบายในการใช้งานได้อย่างเต็มที่ สำหรับใครที่กลัวว่าเครื่องดูดฝุ่นหลังจากที่ใช้งานไปสักพักจะทำให้อุปกรณ์เกิดความร้อนสะสม อุปกรณ์เครื่องดูดฝุ่นอย่าง OTTO HV-092 จะไม่เป็นในลักษณะนั้นแน่นอน  เพราะว่าตัวอุปกรณ์มีระบบเทอร์โมสแตทสำหรับควบคุมอุณหภูมิในการทำงานของเครื่องดูดฝุ่นได้โดยตรง ไม่ให้อุปกรณ์เกิดความร้อนสะสมแต่อย่างใด ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ติดต่อกันได้ในเวลานานเท่าที่ต้องการ 

ฟังก์ชันในการทำงานของเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้มีระบบการกรองฝุ่นที่ดูดีทีเดียวด้วย ตัวกรองฝุ่นทำงาน 3 ขั้นตอนที่จะจัดการฝุ่นที่ทำการดูดเข้าไปในตัวเครื่องได้อย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจากกรองฝุ่นที่มีขนาดใหญ่ และเล็ก จนไปถึงอากาศไม่ให้ออกไปจากตัวเครื่องได้ ถ้ากำลังมองหาเครื่องดูดฝุ่นที่ใช้งานง่าย และทำความสะอาดได้ดี รวมไปถึงเครื่องดูดฝุ่นที่สามารถปรับเปลี่ยนการจับได้ 2 รูปแบบ สั้น และยาวตามลักษณะงานที่ใช้ เรียกได้ว่าฟังก์ชันในการใช้งานครบเครื่องพร้อมสำหรับการทำความสะอาดทุกสถานที่ 

ข้อดี 

– ระบบเทอร์โมสแตท

– ตัวกรองฝุ่นทำงาน 3 ขั้นตอน

ข้อเสีย 

– เสียงทำงานของเครื่องค่อนข้างดัง 

4. Dibea F20 Max Plus

 Dibea F20 Max Plus

ราคา: 9,900 บาท

อ่านบทความเกี่ยวข้อง  เครื่องฟอกอากาศ ส่งฟรี ราคาพิเศษ เลือกยี่ห้อไหนไปช็อปเลย

รูปแบบการจัดเก็บขยะ: กล่องเก็บฝุ่น

ประเภท: เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย /เครื่องดูดฝุ่นแบบดูดและถูพื้น

ประเภทหัวดูด: พลังมอเตอร์

ขนาดช่องเก็บฝุ่น: 0.5 ลิตร

น้ำหนัก (kg): 2.5

จะเป็นอย่างไรถ้าหากคุณสามารถดูดฝุ่นได้ และทำการเช็ดพื้นไปในตัว คุณเองก็อาจจะจินตนาการไม่ออก แต่ร่วมพิสูจน์ได้ด้วย Dibea F20 Max Plus ที่จะทำให้ผู้ใช้งานได้ทำการดูดฝุ่น และถูกพื้นให้สะอาดด้วยได้ในอุปกรณ์เดียว ด้วยการดูดเพื่อทำความสะอาดพื้นจากฝุ่น และสิ่งสกปรกด้วยแรงดูดที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน 60 เปอร์เซ็นต์ ทำให้มั่นใจได้ว่าสิ่งสกปรกทั้งขนาดเล็ก และใหญ่จะถูกจัดกวาดไปได้ในการดูดฝุ่นด้วยเครื่องดูดฝุ่น Dibea F20 Max Plus 

แต่ตามที่ได้เกริ่นไว้ก่อนหน้าว่าตัวเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ สามารถที่จะเช็ดพื้นได้ด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากมีแท็งค์น้ำที่พร้อมบรรจุน้ำได้มากถึง 260 มิลลิลิตร ที่สามารถจะใส่เสริมเพื่อทำการเช็ดพื้น และถอดออกเพื่อกลับไปใช้เป็นเครื่องดูดฝุ่นดั้งเดิมก็ได้เช่นเดียวกัน  เพราะการติดตั้งตัวแท็งค์เข้าไปใช้ระบบแม่เหล็กที่ทำให้ง่าย สะดวกในการใส่เข้า และถอดออก 

ข้อดี 

– แรงดูดที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน 60 เปอร์เซ็นต์

– ใช้งานเป็นได้ทั้งเครื่องดูดฝุ่น และไม้ถูพื้น 

ข้อเสีย 

– ราคาที่เริ่มสูงตามคุณภาพ 

5. Xiaomi Jimmy JV11

Xiaomi Jimmy JV11

ราคา: 1,599 บาท

รูปแบบการจัดเก็บขยะ: กล่องเก็บฝุ่น

ประเภท: เครื่องดูดฝุ่นมีสาย

ประเภทหัวดูด: กังหัน

ขนาดช่องเก็บฝุ่น: 0.4 ลิตร

น้ำหนัก (kg): 2.5

หนึ่งในแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสไตล์มินิมอลจะไม่พูดถึงแบรนด์ Xiaomi นี้เลยก็คงจะไม่ได้ เพราะในทุก ๆ ปีจะต้องมีการออกเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่อยู่เสมอ ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจคือ Xiaomi Jimmy JV11 เครื่องดูดฝุ่นเล็ก แต่พลังดูดมหาศาล และที่สำคัญเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ไม่ได้มีเพียงแต่ความสามารถในการดูดฝุ่น แต่ยังช่วยกำจัดไรฝุ่นได้ 99 เปอร์เซ็นต์กันเลย เทียบเท่ากับเครื่องกำจัดไรฝุ่นบางรุ่นที่มีการใช้แสง UV ดักจับ และกำจัดเชื้อโรคได้ในระดับที่ไม่แตกต่างกับเจ้าเครื่อง Xiaomi Jimmy JV11 มากนัก ถ้ากำลังมองหาเครื่องกำจัดไรฝุ่นที่มีความสามารถดูดฝุ่นได้ด้วย นี่ก็ควรเป็นหนึ่งในตัวเลือกของรายการที่ต้องซื้อเร็ว ๆ นี้

ระบบการทำงานของเครื่อง Xiaomi Jimmy JV11 ตัวเครื่องมีพลังในการดูดฝุ่นมากถึง 14000 PA ที่มีช่องสำหรับใส่ฝุ่น และสิ่งแปลกปลอมได้ถึง 2 ช่องใหญ่ และยังมีระบบในการฉายรังสี UV ไปในตัวช่วยกำจัดสิ่งสกปรก เชื้อแบคทีเรีย และที่สำคัญไรฝุ่น ผู้ใช้งานจะมั่นใจได้เลยว่าการทำความสะอาดของคุณไม่ได้เป็นเพียงแต่แค่ทำความสะอาดเพื่อให้เฟอร์นิเจอร์ของคุณปราศจากฝุ่น และเชื้อโรคที่มองไม่เห็นได้อีกด้วย 

ข้อดี 

– ดีไซน์สวยงามสไตล์มินิมอล 

– ระบบในการฉายรังสี UV

ข้อเสีย 

– ต้องเสียบปลั๊กเพื่อเริ่มทำงาน 

6. Dyson V8™ Fluffy+ Cord-Free Vacuum Cleaner

Dyson V8™ Fluffy+ Cord-Free Vacuum Cleaner

ราคา: 15,900 บาท

รูปแบบการจัดเก็บขยะ: ไซโคลน

ประเภท: เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย

ประเภทหัวดูด: พลังมอเตอร์

ขนาดช่องเก็บฝุ่น: 0.54 ลิตร

น้ำหนัก (kg): 2.61

หนึ่งในแบรนด์เครื่องดูดฝุ่นที่ทุกคนรู้จัก และรู้ถึงความสามารถของเครื่องดูดฝุ่นของแบรนด์นี้เป็นอย่างดีคือ Dyson V8™ Fluffy+ Cord-Free Vacuum Cleaner ซึ่งนี่จะเป็นเครื่องดูดฝุ่นรุ่นเก่า แต่ความสามารถที่เลื่องชื่อทำให้เครื่องดูดฝุ่นนี้เป็นที่น่าจับตามองตลอดมา ฟังก์ชันการทำงานของเครื่องดูดฝุ่นนี้มี ระบบไซโคลน 2 ชั้น ที่จะทำงานหลักคือการเพิ่มกระแสลมในการดูดให้เหมาะสมกับสถานที่ แต่ในขณะเดียวกันก็จะจับฝุ่น และดูดเข้าสู่ตัวเครื่องได้อย่างไร้เสียงรบกวน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถที่จะทำความสะอาดห้อง หรือบ้านได้โดยที่ไม่สร้างมลพิษทางเสียงกับสมาชิกคนอื่น พร้อมใช้งานได้ทุกเวลา 

Dyson V8™ Fluffy+ Cord-Free Vacuum Cleaner เป็นเครื่องดูดฝุ่นที่มีจุดเด่นอีกที่คือ ไม่จำเป็นต้องทำการชาร์จบ่อย และในการชาร์จเพื่อใช้งานหนึ่งครั้งสามารถที่จะทำงานได้ติดต่อกันมากถึง 40 นาที โดยที่ไม่ต้องพักเครื่อง และเครื่องดูดฝุ่นนี้จะมีอุปกรณ์เสริมเพื่อใช้ตามแต่ละวัตถุประสงค์ในการใช้งานได้อย่างเหมาะสม 

ข้อดี 

– ไม่จำเป็นต้องทำการชาร์จบ่อย

– ระบบไซโคลน 2 ชั้น

– ดูดเข้าสู่ตัวเครื่องได้อย่างไร้เสียงรบกวน

ข้อเสีย 

– ราคาสูงพอตัว

7. Electrolux EC41-2DB

Electrolux EC41-2DB

ราคา: 3,290 บาท

รูปแบบการจัดเก็บขยะ: ไซโคลน

ประเภท: เครื่องดูดฝุ่นมีสาย

ประเภทหัวดูด: ไม่ระบุ

ขนาดช่องเก็บฝุ่น: 1.8 ลิตร

น้ำหนัก (kg): 5.9

หนึ่งในปัญหาของเครื่องดูดฝุ่นไร้สายคือ การที่แบตอาจจะไม่เพียงพอต่อการทำความสะอาดบ้านทั้งหลัง หรือห้องที่กว้างเกินไปสำหรับคอนโด แต่ไม่ใช่สำหรับเครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้แน่นอน เพราะ Electrolux EC41-2DB มีระบบในการจ่ายพลังงานอัจฉริยะที่จะทำการหยิบพลังงานมาใช้อย่างจำเป็น ทำให้การดูดฝุ่นของเครื่องรุ่นนี้มีระยะเวลาในการทำงานที่มากขึ้นกว่าเครื่องดูดฝุ่นทั่วไปที่มักจะเฉลี่ยใช้งานได้เพียงแค่ 30 นาที หรือ 40 นาทีแต่เพียงเท่านั้น

อย่างไรก็ตามความน่าสนใจของเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะขนาดของถังที่ใส่สิ่งสกปรกสามารถที่จะบรรจุได้มากกว่า 1.8 ลิตร ให้ผู้ใช้งานได้ทำการใช้งานได้ยาว ๆ ก่อนที่จะทำการสะอาดตัวถัง อุปกรณ์เครื่องดูดฝุ่นนี้มีน้ำหนักที่เบาถ้าเปรียบเทียบกับคุณสมบัติในการใช้งาน และความสามารถที่หลากหลายทำให้สามารถเดินถือ และยกไปใช้งานได้ในหลากหลายสถานการณ์ 

ข้อดี 

– ระบบในการจ่ายพลังงานอัจฉริยะ

– บรรจุสิ่งสกปรกได้มากถึง 1.8 ลิตร

ข้อเสีย 

– ส่งเสียงรบกวนในระหว่างที่เครื่องเริ่มทำงาน 

8. Philips PowerPro Compact FC9350

Philips PowerPro Compact FC9350

ราคา: 3,090 บาท

อ่านบทความเกี่ยวข้อง  10 แอร์ยี่ห้อไหนดีสู้อากาศร้อน ประหยัดพลังงาน

รูปแบบการจัดเก็บขยะ: ไซโคลน

ประเภท: เครื่องดูดฝุ่นมีสาย

ประเภทหัวดูด: ไม่ระบุ

ขนาดช่องเก็บฝุ่น: 1.5 ลิตร

น้ำหนัก (kg): 4.5

หนึ่งในเครื่องดูดฝุ่นที่เรียกได้ว่ามีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น ด้วย PowerCyclone 5 ที่จะทำให้จับฝุ่นจากพื้น และทำการแยกไปเป็นสัดส่วนเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาดในภายหลัง อย่างไรก็ตามเครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้มีความโดดเด่นเรื่องของการดูดฝุ่น และไหลเวียนของอากาศได้ดี พร้อมกับคุณภาพของแผ่นกรอง EPA 10 ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการอุดตันของขยะ และสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในเครื่องดูดฝุ่นได้หายห่วง ใช้งานลากยาวได้เพลิน ๆ ไม่ต้องกังวล หรือรู้สึกกลัวว่าจะมีสิ่งสกปรกเข้าไปติดในเครื่องระหว่างการทำงาน 

ถ้าเคยมีประสบการณ์ในการใช้เครื่องดูดฝุ่น และพบว่าถอดชิ้นส่วนทำความสะอาดภายในเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก่อน การใช้เครื่องดูดฝุ่น Philips PowerPro Compact FC9350 สามารถที่จะทำการถอดอุปกรณ์ได้โดยง่าย และที่สำคัญคือทำความสะอาดง่ายเพียงแค่ปัดให้เศษฝุ่นที่อยู่ในตัวถังให้เรียบร้อย เครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ก็พร้อมที่จะทำงานได้ต่อเนื่อง ไม่เหมือนกันกับเครื่องดูดฝุ่นค่ายอื่นที่จะต้องเคลียร์ช่องเก็บสิ่งสกปรกอยู่บ่อยครั้ง 

ข้อดี 

– แผ่นกรอง EPA 10 ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการอุดตันของขยะ

– ถอดชิ้นส่วนทำความสะอาดภายใน

ข้อเสีย 

– ต้องเสียบปลั๊กในการทำงาน 

9. Dyson V11™ Absolute+ Cord-Free Vacuum Cleaner

Dyson V11™ Absolute+ Cord-Free Vacuum Cleaner

ราคา: 27,900 บาท

รูปแบบการจัดเก็บขยะ: ไซโคลน

ประเภท: เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย

ประเภทหัวดูด: พลังมอเตอร์

ขนาดช่องเก็บฝุ่น: 0.54 ลิตร

น้ำหนัก (kg): 2.97

ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่ชื่นชอบเครื่องใช้ไฟฟ้าในแบรนด์ Dyson เครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้เป็นเครื่องไฟฟ้าที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงกับ Dyson V11™ Absolute+ Cord-Free Vacuum Cleaner เพราะเป็นรุ่นที่มีกำลังในการดูดมากกว่ารุ่นก่อนหน้าที่ได้กล่าวไป และเสริมแรงหมุน 125,000 รอบ/นาที ถือได้ว่าเป็นหลายเท่าตัวของการดูดฝุ่นจากทุกรุ่นที่เคยมีมาในหมวดเครื่องดูดฝุ่น งานออกแบบของเครื่องดูดฝุ่นนี้ทำออกมาได้ล้ำสมัย และดูใช้งานง่ายด้วยระบบคำสั่งที่มีไม่มากจนเกินไป เพราะเครื่องดูดฝุ่นมีระบบปฏิบัติการอัจฉริยะในการปรับแรงลมที่ใช้ในการดูด และการจ่ายพลังงานอัตโนมัติเพื่อประหยัดพลังงาน และเพิ่มความสามารถในการใช้งานให้ได้ยาวนานยิ่งขึ้น

ฟังก์ชันในการทำงานของเครื่องดูดฝุ่น Dyson V11™ Absolute+ Cord-Free Vacuum Cleaner ได้รับการยืนยันจากผลวิจัยเรื่องความสามารถในการจับฝุ่น และสิ่งสกปรกขนาดเล็กว่าจับได้ 99.97% ของอนุภาคขนาดเล็ก 0.3 ไมครอน การันตีความสะอาดที่จะได้จากการดูดสิ่งสกปรกด้วยเครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้ ถ้าสิ่งที่คุณคาดหวังกับเครื่องดูดฝุ่นคือ ความสะอาด ห่างไกลจากโรคภูมิแพ้ และไร้ซึ่งไรฝุ่น เครื่องดูดฝุ่นรุ่น V11™ Absolute+ Cord-Free Vacuum Cleaner จากค่าย Dyson ก็ควรจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกในการเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นของคุณ

ข้อดี 

– เสริมแรงหมุน 125,000 รอบ/นาที

– จับฝุ่น และสิ่งสกปรกขนาดเล็กว่าจับได้ 99.97%

ข้อเสีย 

10. Xiaomi Deerma 2 In 1 รุ่น DX700

Xiaomi Deerma 2 In 1 รุ่น DX700

ราคา: 2,990 บาท

รูปแบบการจัดเก็บขยะ: กล่องเก็บฝุ่น

ประเภท: เครื่องดูดฝุ่นมีสาย

ประเภทหัวดูด: ไม่ระบุ

ขนาดช่องเก็บฝุ่น: 0.8 ลิตร

น้ำหนัก (kg): 2.2

หากพูดถึงเครื่องดูดฝุ่นที่สามารถปรับเปลี่ยนตามวัตถุประสงค์ในการใช้งานได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นเครื่องดูดฝุ่นไม้จับด้ามยาว หรือจะเป็นเครื่องดื่มฝุ่นขนาดเล็กที่พกพาไปใช้ดูดฝุ่นตามซอกเฟอร์นิเจอร์ หรือมุมที่เข้าถึงได้ยาก เครื่องดูดฝุ่นไฟฟ้า Xiaomi Deerma 2 In 1 รุ่น DX700 จะต้องติดเป็นหนึ่งในอันดับเครื่องดูดฝุ่นที่หลายคนต้องนึกถึง เพราะตัวเครื่องดูดฝุ่นนี้สามารถที่จะถอด และใส่เพิ่มเข้าไปได้ตามความต้องการในการใช้งาน 

เครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้จึงเป็นเครื่องดูดฝุ่นของ Xiaomi ที่มีความนิยมอย่างแพร่หลายตั้งแต่ช่วงแรกที่มีการวางจำหน่าย เพราะลักษณะการใช้งาน และงานออกแบบที่ทำออกมาได้คงความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ อีกทั้งยังมาในรูปแบบสไตล์มินิมอลพร้อมที่จะเข้ากับทุกสภาพแวดล้อมของห้องคุณ ภายในชุดของแถมถือได้ว่าไม่น้อยหน้าไปกว่าเครื่องดูดฝุ่นไฟฟ้าเครื่องนี้แต่อย่างใด เพราะว่ามี แผ่นกรองแบบ HEPA Filter ที่จะช่วยกรองฝุ่นที่จะมีขนาดเล็ก 0.3 ไมครอนได้เลยทีเดียว ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้เลยว่า ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใดในห้อง หรือจะมีสิ่งสกปรกแบบใดอยู่ เมื่อผ่านเครื่อง Xiaomi Deerma 2 In 1 รุ่น DX700 ไปแล้ว จะสะอาดแบบหมดจด 99 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าสำหรับเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้จะไม่มีข้อเสีย เพราะน้ำหนักที่มากถึง 2.2 อาจจะส่งผลให้การเคลื่อนที่ หรือเคลื่อนย้ายของเครื่องดูดฝุ่นเมื่อประกอบเสร็จแล้วค่อนข้างหนัก และยากต่อการใช้งาน 

ข้อดี 

– ช่วยกรองฝุ่นที่จะมีขนาดเล็ก 0.3 ไมครอน

– ประสิทธิภาพในการทำงานได้ดี 

ข้อเสีย  

– น้ำหนักที่มากถึง 2.2

ทั้งหมดนี้เป็นรายละเอียดของเครื่องดูดฝุ่นที่เป็นที่ตั้งตารอ และน่าติดตามมาตั้งแต่ปลายปี จนข้ามมาช่วงต้นปี ก็ยังได้รับความนิยมจากกลุ่มคุณพ่อบ้าน และแม่บ้านได้อย่างล้นหลาม อย่างไรก็ตามการเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นจำเป็นที่จะต้องอาศัยหลาย ๆ ปัจจัยเข้าร่วมเพื่อให้คุณได้เครื่องดูดฝุ่นที่เหมาะกับสภาพงาน และความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ประเภทของเครื่องดูดฝุ่น, ลักษณะการเก็บเศษสิ่งสกปรก รวมไปถึงปัจจัยเสริมอื่น ๆ อย่างขนาดห้อง และเฟอร์นิเจอร์ที่จะใช้ทำความสะอาด หากนำปัจจัยเหล่านี้เข้ามาใช้เป็นเกณฑ์จะทำให้คุณได้เครื่องดูดฝุ่นที่เหมาะสมได้ง่ายยิ่งขึ้น