
ในปัจจุบันนี้เรียกได้ว่าเทคโนโลยีได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว โดยเฉพาะลักษณะของงานบ้านที่เรียกได้ว่าจากการต้องทุ่มเท และลงแรงกายแรงใจในการทำความสะอาด ในตอนนี้คุณแม่บ้านทั้งหลายไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอันมีค่ามาทำความสะอาดดูแลพื้นบ้านกันอีกต่อไป เพราะในทุกวันนี้มีเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่น่าสนใจที่จะมาช่วยในการดูแลความสะอาดของพื้นบ้านให้ไร้ซึ่งสิ่งสกปรกในทุกรูปแบบกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่น
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นในตอนนี้ไม่ได้มีราคาที่สูงมากเหมือนเมื่อก่อน อีกทั้งระดับความสามารถในการทำงานก็อัจฉริยะมากขึ้น เชื่อว่าหลายคนเองก็น่าจะพอได้ยิน และมีความรู้จักกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นกันเป็นอย่างดี เพียงแค่ทำการเปิดให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำงาน และปล่อยให้เครื่องทำการเดินวนรอบบ้านสักครั้ง หรือสองครั้ง โดยที่ไม่ต้องดูแลหุ่นยนต์ เพราะเมื่อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำการเดินชนวัตถุ หรือระบบตรวจจับวัตถุที่กำลังเข้าใกล้ได้ ตัวเครื่องจะทำการเปลี่ยนทิศทาง และเดินวนรอบบ้านให้ทั่ว ทำให้งานทำความสะอาดบ้านเป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้ว ซึ่งในบทความชิ้นนี้ได้ทำการรวบรวม 10 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นมาไว้ให้ประกอบการตัดสินใจซื้อกัน
10 อันดับหุ่นยนต์ดูดฝุ่น
6. PHILIPS SmartPro Easy Robot Vacuum Cleaner
1. iGGOO Sweep

ขนาด: 24 x 24 x 8 cm
ประเภท: หุ่นยนต์ถูพื้น
น้ำหนัก: 0.5 kg
แบตเตอรี่: 2,200 mAh
ระดับเสียง: –
ระยะเวลาในการทำงาน: 60 – 90 นาที
แรงดูด: –
สำหรับผู้ใช้งานคนใดที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการใช้งานหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมาก่อน และอยากที่จะลองใช้ด้วยราคางบที่ไม่สูงมาก แต่ต้องการอุปกรณ์ที่ครบเครื่อง และมีประสิทธิภาพไม่ตกบกพร่อง iGGOO Sweep เป็นหนึ่งในหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะระบบอัตโนมัติที่พร้อมจะทำงาน เพียงแค่ทำการเปิดเครื่องให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเข้าจัดการสิ่งสกปรกในทุกพื้นที่ของบ้าน ซึ่งความน่าสนใจของหุ่นยนต์นี้คือสามารถตั้งเวลาในการทำความสะอาดได้ 2 รูปแบบด้วยกัน แบ่งเป็นการตั้งเวลา 15 นาที และ 30 นาที
จุดสังเกตที่ควรรู้ก่อนซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นนี้คือ หุ่นยนต์รุ่นนี้สามารถที่จะทำความสะอาดได้ทุกพื้นสภาพผิว แต่ต้องมีลักษณะเป็นพื้นทางราบแต่เพียงเท่านั้น หากใครที่มีลักษณะบ้านมีความนูนสูง และต่ำตามส่วนต่าง ๆ ของบ้าน อาจจะไม่เหมาะกับหุ่นยนต์รุ่นนี้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากพื้นผิวที่บ้านมีลักษณะเป็น พื้นไม้ พื้นกระเบื้อง และพื้นพรม ถือว่าไม่ได้เป็นปัญหาในการใช้งานของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นนี้แต่อย่างใด
ข้อดี
– ตั้งเวลาในการทำความสะอาดได้ 2 รูปแบบ
– ระบบอัตโนมัติที่พร้อมจะทำงาน
– ใช้งานง่าย
ข้อเสีย
– ข้อจำกัดในการใช้งานที่ต้องเป็นพื้นเรียบเท่านั้น
2. iRobot Roomba 670

ขนาด: 34 x 34 x 9.2 cm
ประเภท: หุ่นยนต์ดูดฝุ่น
น้ำหนัก: 3.6 kg
แบตเตอรี่: 1,800 mAh
ระดับเสียง: –
ระยะเวลาในการทำงาน: 60 – 90 นาที
แรงดูด: –
ถ้าต้องการหุ่นยนต์ดูดฝุ่นสักตัวที่จะมีครบทุกอย่าง และตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ในการเดิมพันแบบคนยุคใหม่ ดูเหมือนคำตอบที่มีไม่เยอะมากจะเป็นหุ่นยนต์รุ่นนี้ เพราะหุ่นยนต์ดูดฝุ่นนี้สามารถที่จะทำการดูดฝุ่นได้อย่างตรงจุด เนื่องจากภายในการทำงานของระบบที่ถูกฝังอยู่หุ่นยนต์มีระบบตรวจหาฝุ่น ที่ทำให้เกิดการทำความสะอาดที่ปราศจากฝุ่นได้มากถึง 99 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับความสามารถในการควบคุมทิศทางผ่านมือถือได้โดยตรง เรียกได้ว่าเป็นระบบในการทำงานอัจฉริยะที่ถูกใส่เข้ามาด้วย เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถบังคับเพื่อเดินทางไปทำความสะอาดในที่นั้น ๆ ได้
หมดห่วงเรื่องของการปล่อยให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอยู่เพียงลำพัง และเกิดปัญหาการตกหล่นจากชั้นสูง เพราะมีระบบในการตรวจจับสิ่งของ และป้องกันการตกไว้ได้อย่างเหมาะสม ทำให้ผู้ใช้งานสามารถที่จะทำการเปิดเครื่อง พร้อมกับใช้ชีวิตปกติของคุณได้ทันที เพราะเมื่อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นนี้ทำงานเสร็จ ไม่ตรวจพบฝุ่นอีก หุ่นยนต์จะทำการเดินทางกลับไปยังแท่นชาร์จเอง
ข้อดี
– ทำความสะอาดที่ปราศจากฝุ่นได้มากถึง 99 เปอร์เซ็นต์
– ระบบในการตรวจจับสิ่งของ และป้องกันการตกจากที่สูง
ข้อเสีย
– มีเสียงรบกวนเล็กน้อยขณะเครื่องทำงาน
3. ECOVACS ECODA3G

ขนาด: 27 x 27 x 8.2 cm
ประเภท: หุ่นยนต์ดูดฝุ่น
น้ำหนัก: 2.2 kg
แบตเตอรี่: 2,600 mAH
ระดับเสียง: –
ระยะเวลาในการทำงาน: 110 นาที
แรงดูด: 600 Pa
มีลักษณะที่เป็นจุดเด่นของแบรนด์คือ ขนาดที่เล็ก และทำงานได้ดีโดยเฉพาะฝุ่น รวมไปถึงเส้นผม หุ่นยนต์ดูดฝุ่นนี้มีความสามารถเกินตัวมากกว่าที่ผู้ใช้งานจะจินตนาการได้ เพราะนอกจากจะสามารถดูดฝุ่นได้เพียงครั้งแรกให้สะอาดด้วยพลังดูดฝุ่นที่มหาศาลแล้ว ยังสามารถที่จะทำการควบคุม และสั่งการทิศทางในการดูดฝุ่นของตัวเครื่องได้โดยตรงผ่านมือถือ ที่จะทำให้ทุกพื้นที่ที่ต้องการดูดฝุ่นเฉพาะสามารถที่จะเข้าถึงได้แน่นอน และที่สำคัญผู้ใช้งานสามารถที่จะปล่อยให้หุ่นยนต์สามารถเคลื่อนไหวตามอิสระ และตั้งเวลาทำงานได้อีกด้วย
อย่างไรก็ดีดูเหมือนว่าหุ่นยนต์รุ่นนี้จะมีความพิเศษที่ทำให้น่าซื้อมากยิ่งขึ้นกับฟังก์ชันการตรวจจับสิ่งของที่จะทำให้หุ่นยนต์ไม่ต้องเดินกระแทกกับสิ่งของ ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนทิศทางเหมือนกันกับหุ่นยนต์รุ่นอื่น ๆ และความพิเศษนี้นี่เองทำให้เหล่าผู้ใช้งานสามารถที่จะเพิ่มอายุในการใช้งานของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นได้ยิ่งขึ้น เพราะหุ่นยนต์ตัวนี้สามารถที่จะตรวจจับระดับของพื้นผิวทำให้ไม่เกิดความเสียหาย ถึงแม้ว่าพื้นที่ที่ต้องทำความสะอาดจะมีบันได หรือพื้นที่ต่างระดับอยู่ด้วยก็ตาม
ข้อดี
– สามารถที่จะทำการควบคุม และสั่งการทิศทางในการดูดฝุ่นผ่านมือถือได้โดยตรง
– กำจัดสิ่งสกปรกได้ดี
– แรงดูดที่มหาศาล
ข้อเสีย
– เสียงค่อนข้างดังในช่วงที่เครื่องกำลังทำงาน
4. AUTOBOT MINI

ขนาด: 27 x 27 x 7.6 cm
ประเภท: หุ่นยนต์ดูดฝุ่น และถูพื้น
น้ำหนัก: 1.5 kg
แบตเตอรี่: 1,500 mAh
ระดับเสียง: 50 dB
ระยะเวลาในการทำงาน: 100 นาที
แรงดูด: –
หากหุ่นยนต์ดูดฝุ่นนี้ที่จะทำงานเดินหมุนเวียนไปมาในบ้านของคุณ สามารถที่จะช่วยตกแต่งพื้นที่ในบ้าน และกลายเป็นหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์สุดแสนน่ารักไปในตัวได้ด้วย นี่เป็นแนวคิดของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น AUTOBOT MINI ที่มีสีสันให้เหล่าผู้ใช้งานได้ทำการเลือกสีสันของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นถึง 3 สีด้วยกัน ขาว ชมพู และฟ้า เรียกได้ว่าตอบโจทย์สำหรับสาว ๆ เพราะเป็นลักษณะของสีพาสเทลที่เข้าได้กับทุกพื้นที่ และความโดดเด่นของเจ้าหุ่นยนต์โทนสีสดใสนี้ไม่ได้หมดแต่เพียงเท่านี้ แต่ตัวเครื่องมาพร้อมกับมอเตอร์ขนาดใหญ่ที่จะสามารถเพิ่มแรงในการดูดได้ดียิ่งกว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่อยู่ตามท้องตลาด รับรองได้ว่าเรื่องของความสะอาดตัวหุ่นยนต์รุ่นนี้ไม่เคยเป็นรองใคร
นอกจากมอเตอร์ที่มาในขนาดที่ใหญ่กว่าตลาด ทำให้แรงดูดฝุ่นของตัวเครื่องทำได้ดีแล้ว ด้านข้างมีอุปกรณ์ปัดฝุ่นที่จะช่วยเก็บฝุ่น หรือสิ่งสกปรกขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณทั้งด้านซ้าย และขวาของหุ่นยนต์ได้ไปไว้ในช่องเก็บสิ่งสกปรกขนาดใหญ่ได้ไปในตัว ทำให้การทำงานหนึ่งครั้งของ AUTOBOT MINI เป็นการทำความสะอาดในลักษณะปัด กวาด และเช็ดไปในครั้งเดียว จัดได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยประหยัดแรงงาน และเวลาของคุณแม่บ้านไปได้ดีทีเดียว
ข้อดี
– สีสันสดใส เน้นสีพาสเทลที่เข้าถึงได้ง่าย
– มอเตอร์ขนาดใหญ่ที่จะสามารถเพิ่มแรงในการดูดได้ดี
– ขนาดเล็ก กะทัดรัดทำให้สามารถเข้าถึงทั่วทุกมุมห้อง
ข้อเสีย
–
5. EVERYBOT EDGE

ขนาด: 33 x 16.5 x 13.6 cm
ประเภท: หุ่นยนต์ถูพื้น
น้ำหนัก: 1.6 kg
แบตเตอรี่: 2,150 mAh
ระดับเสียง: น้อยกว่า 47 dB
ระยะเวลาในการทำงาน: 100 นาที
แรงดูด: –
ตอบโจทย์สำหรับแม่บ้านที่ต้องการถูเปียก และแห้ง ที่สำคัญคือการใช้งานของตัวเครื่องที่มีมาให้พร้อมทั้ง 5 โหมดด้วยกัน เพื่อให้เหมาะกับความต้องการในการทำความสะอาดของแต่ละพื้นผิว สำหรับการเลือกใช้งานหุ่นยนต์ทำความสะอาดในบางครั้ง ตัวเครื่องเองอาจจะไม่ได้ทำความสะอาดที่ดีพอ ต่อให้มีการหมุนเวียนในพื้นที่ดังกล่าวมากกว่าหนึ่งรอบแล้วก็ตาม ในบางกรณีหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอาจจะทำให้พื้นที่ที่เป็นมุมยากต่อการทำความสะอาด เกิดการสะสมได้จากการไม่สามารถเข้าซอกได้ แต่ไม่ใช่สำหรับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเครื่องนี้ที่จะมีผ้าที่สำหรับการเช็ดแห้ง และเปียกประกอบอยู่ในเครื่อง ซึ่งเป็นการเสริมความสามารถในการทำความสะอาดของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นนี้ที่จะทำให้มีความสามารถทำความสะอาดได้ทั้งแบบเปียก และแห้งได้ในเวลาเดียวกัน
หนึ่งในสิ่งที่ถูกพัฒนาเพื่อที่จะตอบโจทย์กับเหล่าแม่บ้านคือ การลดเสียงในการทำงาน สำหรับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเครื่องนี้อาจจะเรียกได้ว่าไม่มีเสียงตลอดการทำงานเลยก็ว่าได้ ทำให้นี่เป็นจุดขายหลักที่ถูกพัฒนามาได้อย่างเหนือชั้นเป็นพิเศษ ตามมาด้วยกับระบบในการตรวจจับสิ่งของที่จะทำให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเครื่องนี้ไม่เดินชน หรือหล่นจากบันไดในขณะที่ทำความสะอาดชั้น 2 ของบ้านอยู่ หมดห่วงเรื่องการตกหล่น หรือกระแทกกับวัตถุไปได้ พร้อมกับระดับในการเลือกทำความสะอาดที่มีมาให้เหล่าผู้ใช้งานเลือกได้มากถึง 8 ระดับด้วยกัน และฟังก์ชันที่ครบครัน และครอบคลุมมากถึงเพียงนี้ทำให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเครื่องนี้กลายเป็นหุ่นยนต์ที่น่าจับตามอง
ข้อดี
– ตัวเครื่องที่มีมาให้พร้อมทั้ง 5 โหมดด้วยกัน
– เสียงระหว่างที่เครื่องทำงานค่อนข้างเบาเป็นพิเศษ
– รูปแบบในการทำงานที่หลากหลาย
ข้อเสีย
– ราคาที่ค่อนข้างสูง
6. PHILIPS SmartPro Easy Robot Vacuum Cleaner

ขนาด: 30 x 30 x 5.85 cm
ประเภท: หุ่นยนต์ดูดฝุ่น
น้ำหนัก: 2 kg
แบตเตอรี่: –
ระดับเสียง: –
ระยะเวลาในการทำงาน: 105 นาที
แรงดูด: 800 Pa
หนึ่งในหุ่นยนต์ที่มีความสามารถในตัวที่ครบทุกฟังก์ชันหลักในการทำความสะอาด อีกทั้งยังมีขนาดที่ไม่เล็ก หรือไม่ใหญ่จนเกินไป พร้อมที่จะเข้าแทรกทุกพื้นที่ จุดเด่นของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเครื่องนี้ที่กลายเป็นจุดขายหลักคงหนีไม่พ้นกับเป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ตัวเครื่องจะทำการประเมินสถานที่ด้วยระบบภายในก่อนการทำงานเสมอ เพื่อที่จะได้รู้มุมในการทำความสะอาด และปรับเปลี่ยนพลังในการดูดฝุ่นให้เอื้อต่อสถานที่โดยเฉพาะ เรียกได้ว่าเป็นระบบประมวลผลที่มีความเป็นอัจฉริยะขั้นสูง ในกรณีที่หุ่นยนต์มีเหตุจำเป็น หรือมีการสั่งการให้กลับไปยังสถานะหยุดทำงาน ตัวเครื่องจะทำการเดินทางกลับไปยังแท่นชาร์จด้วยตัวเอง
สำหรับผู้ใช้งานคนใดที่พื้นฐานเป็นโรคภูมิแพ้จากฝุ่น การมีหุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวนี้ดูเป็นทางออกที่ดีไม่น้อย เพราะตัวเครื่องมีความสามารถในการดูดฝุ่นระดับได้มากถึง 99% อย่าง Ultra Hygiene EPA12 ที่จะเป็นการยืนยันว่าอากาศที่ผู้ใช้งานจะเป็นอากาศที่บริสุทธิ์ และปลอดเชื้อโรค หรือฝุ่นต่าง ๆ การมีอุปกรณ์ทำความสะอาดชิ้นนี้ติดบ้านจะทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าอากาศที่ได้สุดเข้าไปเป็นอากาศที่ไม่มีสิ่งสกปรกเจือปน
ข้อดี
– ความสามารถในการดูดฝุ่นระดับได้มากถึง 99%
– หุ่นยนต์ที่มีระบบอัจฉริยะเข้าดูแลตัวเครื่อง
– ช่วยประเมินห้องเพื่อเปิดระบบในการจัดการทำความสะอาดอัตโนมัติ
ข้อเสีย
– ขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ทำให้ไม่สามารถเข้าทำความสะอาดช่วงหัวมุมได้
7. ECOVACS OZMO 900

ขนาด: 33.7 x 33.7 x 95 cm
ประเภท: หุ่นยนต์ดูดฝุ่น และถูพื้น
น้ำหนัก: 3 kg
แบตเตอรี่: 2600 mAh
ระดับเสียง: 66.7 dB
ระยะเวลาในการทำงาน: 95 นาที
แรงดูด: 600 Pa
เหนือชั้น มีระดับกับการทำความสะอาดแบบใหม่จากหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่เรียกได้ว่าเป็นมิติใหม่ของการทำความสะอาดห้องกันเลยก็ว่าได้ เพราะหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นนี้จะทำการประเมินห้อง หรือสถานที่ในการทำความสะอาดเบื้องต้นเพื่อที่จะได้ออกแบบในการทำความสะอาดให้ถูกต้อง เหนือชั้นมากกว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นทั่วไปที่มักจะทำตามคำสั่ง และเดินชนสิ่งของก่อนค่อยทำการปรับเปลี่ยนทิศทางในการเคลื่อนไหว แต่ถึงอย่างนั้นตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นนี้ยังสามารถที่จะให้ผู้ใช้งานควบคุมได้เองผ่านแอปพลิเคชัน Smart Navi ถือได้ว่ามีฟังก์ชันให้เลือกที่หลากหลายเหมาะกับความต้องการในแต่ละสถานการณ์ ถึงแม้ว่าในส่วนของราคาของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเครื่องนี้อาจจะดูสูงเป็นพิเศษแตกต่างจากหุ่นยนต์รุ่นอื่น ๆ ที่เปิดจำหน่ายอยู่ในตลาด แต่เมื่อดูรีวิว และคุณสมบัติของหุ่นยนต์ตัวนี้แล้ว นี่อาจจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก ๆ อย่างหนึ่งก็ว่าได้
ข้อดี
– ควบคุมได้เองผ่านแอปพลิเคชัน Smart Navi
– ฟังก์ชันในการทำงานที่หลากหลาย
ข้อเสีย
– ราคาที่ถือว่าสูงพอตัว
8. MISTER ROBOT HYBRID WIFI

ขนาด: 31 x 31 x 7.6 cm
ประเภท: หุ่นยนต์ดูดฝุ่น และถูพื้น
น้ำหนัก: 2.5 kg
แบตเตอรี่: 2,600 mAh
ระดับเสียง: 56 dB
ระยะเวลาในการทำงาน: 180 นาที
แรงดูด: –
หากจะต้องตามตรวจรีวิวบนโลกออนไลน์ หนึ่งในหุ่นยนต์ที่ถูกรีวิวมากที่สุดตัวหนึ่งคือ หุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวนี้ เนื่องจากสามารถที่จะเก็บทุกสิ่งสกปรกได้อย่างแนบเนียน และทำให้ห้องของผู้ใช้งานสะอาดมากขึ้นมากจริง ๆ โดยตัวเครื่องดูดฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จนมีการยืนยันเลยว่าหลังจากที่ตัวห้องได้ทำความสะอาดด้วยหุ่นยนต์ตัวนี้แล้ว อากาศที่จะได้สูดดมเข้าไปจะบริสุทธิ์กว่ามาก
อีกทั้งตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นนี้จัดได้ว่าเป็นผลงานที่น่าประทับใจอย่างมาก เพราะตัวหุ่นยนต์มีแปรงถึง 2 ชั้นทำให้เรื่องการทำความสะอาดเป็นเรื่องที่ไม่ได้มีแค่การยืนยัน แต่ยังพิสูจน์ได้จริง ๆ ทันทีที่หุ่นยนต์ตัวนี้กำลังเข้าสู่โหมดเสร็จสิ้น หลังทำงานดูดฝุ่นที่ตั้งโปรแกรมไว้เรียบร้อย ตัวเครื่องจะทำการเดินทางกลับเข้าสู่ที่ชาร์จด้วยตัวเอง
ข้อดี
– งานออกแบบที่เน้นความหรูหราด้วยสีที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่น
– เครื่องดูดฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
– แปรงถึง 2 ชั้น
ข้อเสีย
–
9. EAZYBOTS Eclipse

ขนาด: 30 x 7 cm
ประเภท: หุ่นยนต์ดูดฝุ่น
น้ำหนัก: 1.2 kg
แบตเตอรี่: –
ระดับเสียง: –
ระยะเวลาในการทำงาน: –
แรงดูด: –
เป็นหนึ่งในหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่เหมาะกับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง เนื่องจากปัญหาหลักของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นคือการไม่สามารถดูดขนสัตว์เข้าไปได้อย่างหมดจด หรือในกรณีที่ดูดเข้ามามากเป็นพิเศษก็ทำให้เกิดปัญหาได้เช่นเดียวกัน เพราะขนสัตว์เหล่านั้นจะพันกัน และทำให้เครื่องไม่สามารถทำงานต่อได้ อย่างไรก็ดีนี่คืออุปสรรคที่หุ่นยนต์รุ่นนี้สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้แล้ว และสามารถที่จะดูดเก็บได้ทุกเส้นขน อีกทั้งตัวเครื่องเองยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง Vacania ที่มีความสามารถในการดูดฝุ่นได้ดีมากกว่าการติดตั้งมอเตอร์ที่เพิ่มกำลังดูดฝุ่นได้มหาศาลก็จริง แต่มีผลพวงเรื่องของเสียงที่จะเป็นการรบกวนในขณะที่ตัวเครื่องทำงาน
นอกเหนือจากคุณลักษณะข้างต้นแล้ว หุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นนี้มีความสามารถในการปรับระดับการดูดฝุ่นให้หลากหลายได้มากถึง 8 รูปแบบ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถที่จะมั่นใจได้ว่ารูปแบบการใช้งานดังกล่าวเหมาะกับสภาพผิวอย่างแท้จริง โดยตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นนี้ได้รับการรับรองจากประเทศอเมริกาด้านความปลอดภัย และกลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในทวีปเอเชีย ถ้ากำลังมองหาหุ่นยนต์ดูดฝุ่นสักตัว เหมือนหุ่นยนต์รุ่นนี้จะเป็นคำตอบที่ดูดีไม่น้อย
ข้อดี
– ปรับระดับการดูดฝุ่นให้หลากหลายได้มากถึง 8 รูปแบบ
– รับรองจากประเทศอเมริกาด้านความปลอดภัย
– กำลังดูดฝุ่นได้มหาศาล
– ไร้เสียง
ข้อเสีย
– ราคาที่สูง แต่คุ้มค่ากับการลงทุนเพื่อความสะอาด
10. Roborock S6 MaxV

ขนาด: 35.3 x 35.0 x 9.65 cm
ประเภท: หุ่นยนต์ดูดฝุ่น และถูพื้น
น้ำหนัก: 3.7 kg
แบตเตอรี่: 5,200 mAh
ระดับเสียง: –
ระยะเวลาในการทำงาน: 180 นาที
แรงดูด: 2500 Pa
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวนี้มีความโดดเด่นเหนือชั้นกว่าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวอื่น ๆ ที่มีอยู่ในตลาดอย่างมาก เริ่มกันที่ความสามารถในการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด ตัวเครื่องมีระบบในการตรวจจับสิ่งของที่อยู่รอบตัวเองในบริเวณ 5 เซนติเมตร โดยที่ถ้าหากบริเวณดังกล่าวมีสิ่งของที่วางกั้นอยู่ หรือเป็นมุมอับ หุ่นยนต์ดูดฝุ่นเครื่องนี้จะทำการเดินทางไปยังแท่นชาร์จเพื่อเป็นการป้องกันอุบัติที่เหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเองได้ และเพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเองอีกด้วย
อย่างไรก็ดีนั้นไม่ได้เป็นเพียงแต่ความสามารถหลักในการมีเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวนี้ เพราะในกรณีที่แบตเตอรี่ต่ำ หุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวนี้เองก็ดูจะรู้งาน เพราะจะเดินทางกลับไปยังแท่นชาร์จโดยอัตโนมัติ ทำให้ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้ดียิ่งขึ้น เพราะไม่มีการปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเองแต่อย่างใด เรียกได้ว่าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงการใช้งานของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวนี้เลย เพราะหุ่นยนต์ตัวนี้ถูกวางโปรแกรมมาเพื่อดูแลตัวเองเป็นพื้นฐานของเครื่อง
ข้อดี
– ระบบในการตรวจจับสิ่งของที่อยู่รอบตัวเองในบริเวณ 5 เซนติเมตร
– หุ่นยนต์ที่มีระบบปฏิบัติการอัจฉริยะในการดูแลตัวเอง
ข้อเสีย
–
ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ 10 อันดับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่น่าสนใจมาตั้งแต่ต้นปี และยังครองใจเหล่าคุณแม่บ้านได้ดีจนถึงช่วงปลายปี หวังว่าบทความชิ้นนี้จะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นได้บ้างไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตามควรประกอบกับความต้องการของผู้ใช้ ราคา และลักษณะการใช้งานเพื่อให้ผู้ใช้งานได้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่เหมาะกับตัวเอง